หลังการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีการตั้งคณะอนุกรรมการบูรณาการแก้ไขปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหาจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาถนน 21 สาย ซึ่งจะพิจารณาเป็นพิเศษในถนนที่มีการสร้างรถไฟฟ้าซึ่งมีช่องทางการจราจรน้อยกว่าปกติ จะต้องเร่งหาทางแก้ไขปัญหา แต่เบื้องต้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาไปหลายส่วนแล้ว นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งจะมีการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และจะต้องมีการรายงานผลทุก 15 วัน และต้องเห็นผลภายใน 1 เดือน ซึ่งเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 1,000 นาย ส่วนการแก้ปัญหาระยะกลาง จะต้องดำเนินการภายใน 3 ปี
พลเอกประวิตร มองว่า การแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดไม่สามารถทำได้ในทันที แต่จะสามารถบรรเทาให้ปัญหาเบาบางลง ใช้เวลาการเดินทางลดลง เช่น ถนนรัชดาภิเษกในช่วงเช้า ใช้เวลาเดินทางลดลง 20 นาที ช่วงเย็นใช้เวลาลดลง 1 ชั่วโมง
ส่วนการพิจารณาอายุของรถที่จะอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนน เป็นเรื่องของกรมการขนส่งทางบกที่จะดำเนินการเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว สำหรับกรณีที่กลุ่มปลดแอก 2 ล้อ ออกมาชุมนุมปิดถนน รองนายกรัฐมนตรี มองว่าสิ่งที่ออกมาเรียกร้องไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นประโยชน์ส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าหน้าที่นำข้อบังคับดังกล่าวมาใช้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนส่วนรวม เนื่องจากมีรถจักรยานยนต์บางแห่งวิ่งย้อนศรขึ้นบนสะพานต่างระดับ อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ นอกจากนี้ยังมีผลการสำรวจที่ระบุไว้ชัดเจนว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่ในช่วงเทศกาลเป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ พลเอกประวิตร ะบุว่า แม้ปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่ แต่นโยบายจะต้องมีการสานต่อ หากรัฐบาลหน้ามองว่านโยบายนี้ดีจริง ก็ต้องทำต่อแน่นอน
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข