นายกฯตั้งเป้า 20ปี ต้องไม่มีทุจริต ยันอำนาจรัฐไม่แทรกแซง

11 กันยายน 2559, 19:56น.

การปาฐกถาพิเศษ เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทยต้องย้อนดูตัวเองและหาวิธีใหม่ในการแก้ปัญหาที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ไม่เหมือนกับ 30-40ปี ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ผล
อันดับแรกต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อแก้ปัญหาในทุกด้าน รัฐบาล ต้องขับเคลื่อนกลไกไม่ให้เกิดผลกระทบ ซึ่งจะต้องทำทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
อดีตคือเริ่มตั้งแต่ก่อน 22 พฤษภาคม 2557 ปัจจุบันคือการเลือกตั้งตามโรดแมป อนาคตคือรัฐบาลหลังเลือกตั้ง อดีตคือปัญหา ในปัจจุบันนำปัญหามาแก้ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน ตัวเองฟังทุกฝ่ายทุกอย่างต้องขึ้นกับ กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาปล่อยปละละเลย มีการโกง ความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม ใช้เวลาทำงานรัฐไปทำอย่างอื่นก็ถือว่าทุจริต
เมื่อบังคับใช้กฎหมายต้องมีคนเดือดร้อน แต่อำนาจรัฐจะไม่แทรกแซงแม้จะมีมาตรา 44 เพราะอนาคตทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไก ต้องแก้ต้นทางปัจจัยการเห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ประเทศคือประกอบด้วยคน แผ่นดิน ซึ่งทุกวันนี้ทุกอย่างต้องเดินตามพันธะสัญญา ปัญหาเศรษฐกิจทุกอย่างต้องเกื้อกันตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ข้าราชการต้องมีจิตสำนึกในการเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทำงานเพื่อประชาชน ต้องไม่มีการเรียกรับเงินสินบนจากผู้มาติดต่อราชการ การทุจริตต้องน้อยลงหรือไม่มีเลย ต้องไว้ใจเชื่อใจกันคิดถึงผลประโยชน์ของชาติ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา
อันดับการทุจริตสูงขึ้น แต่ตัวเองไม่ท้อ แม้จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่ก็ต้องทำพร้อมทั้งได้ชี้แจงสิ่งที่รัฐบาลทำต่อต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจ
ตั้งเป้าว่าอีก 20 ปี ประเทศไทยต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเด็ดขาด และ
ต้องสอดคล้องกับแผนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสศช.และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ส่วนการออกกฎหมายต้องดำเนินการให้ได้ ซึ่งต้องมีบทลงโทษทั้งผู้ให้ ผู้รับ ผู้อำนวยความสะดวก รัฐบาลกำลังปฎิรูปทุกด้านทั้งการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่ต้องมีการถ่วงดุลตรวจสอบ การปฏิรูปตำรวจ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ตั้งขึ้นเพื่อกำจัดปัญหาการทุจริต ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและผู้ถูกตัดสินก็ต้องยอมรับในกระบวนการยุติธรรมอย่าเป็นเหมือนบางคนที่พอศาลตัดสินออกมาไม่ถูกใจตัวเองก็หาว่ากระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
นายกรัฐมนตรี ยังฝากเตือนข้าราชการอย่าคิดว่าทำอะไรแล้วไม่มีใครรู้เพราะประชาชนจับตามองอยู่ ทุกวันนี้ประชาชนไม่อยากติดต่อราชการเพราะรู้สึกว่าเข้าถึงยาก การแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นต้องแก้ทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นป็นรัฐล้มเหลวหรือ เฟลสเตท แต่ก็ต้องป้องกันไม่ให้ถึงขั้นนั้น การเมืองที่ไม่มีธรรมาภิบาล การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ
ส่วนประชาชนต้องช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งตัวเองไม่ใช่คนไม่ฟังใครอย่างที่ถูกกล่าวหา เป็นเพราะฟังทุกวันนี้ถึงได้มีปัญหาปวดหัวมากมาย ตัวเองไม่อยากได้ผลประโยชน์และอำนาจเพราะไม่รู้จะเอาอำนาจไปทำอะไร ทุกคนก็อยากได้อำนาจเพราะเป็นสิ่งที่ยั่วยวนและมีไว้ใช้ในการปกครองคน
ทั้งนี้ ตัวเองพูดในเวทีโลกเสมอว่าต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกวันนี้มีการบิดเบือนทุกอย่าง เช่น เรื่องศาสนาที่มีการตัดทอนข้อความในร่างรัฐธรรมนูญแล้วบิดเบือนว่ารัฐสนับสนุนเฉพาะศาสนาพุทธทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดการทะเลาะกันเดี๋ยวก็เป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นคนไทยหรือเปล่าถึงอยากให้มีความวุ่นวาย
โดยการแก้ปัญหาถ้าแก้ไม่ได้ก็เหมือนมีตุ่มน้ำอยู่หนึ่งตุ่ม ที่ฝนตกเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเพราะมีรอยรั่วและยังมีการขโมยตักน้ำในตุ่มอื่น ประเทศชาติก็เหมือนตุ่มใบหนึ่งที่มีคนตักน้ำไปกินตลอดเวลา มีทั้งการบริโภคภาคเกษตรอุตสาหกรรม ถ้าตุ่มรั่วน้ำก็ตักไม่ได้ คนทำผิดต้องได้รับผลกรรมและต้องติดคุกจะให้อภัยกันด้วยปากเปล่าไม่ได้เพราะทุกอย่างมีหลักฐาน
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร
ข่าวทั้งหมด

X