การอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ต้องหาคดีทุจริตซื้อขายข้าวจีทูจี และเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ พลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด บริษัทสิราลัย ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทกีธา และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดังของประเทศไทย ผู้ก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่ เรือนจำ และเป็นจำเลยร่วมกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีเอื้อประโยชน์ให้บริษัทไม่ต้องแข่งขันราคาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ไปขายต่อให้บริษัทสยามอินดิก้า คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท
คณะกรรมการ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินบริษัทและกลุ่มบุคคลดังกล่าวพบว่ามีพฤติการณ์ทุจริตโดยการปลอมสัญญาให้ดูเสมือนมีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และมีเหตุเชื่อได้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการกระทำความผิด เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จึงมีมติยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งประกอบด้วยเงินฝากในบัญชี และที่ดินกว่า 200 แปลง รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท พลตำรวจเอกชัยยะ ระบุว่า การยึดอายัดทรัพย์ดังกล่าวเป็นเพียงเครือข่ายของ เสี่ยเปี๋ยง และอยู่ระหว่างตรวจสอบไปยัง บริษัทที่รับซื้อข้าวต่อไปอีกทอดหนึ่ง เพื่อขยายผล และในส่วนที่คดีที่เกี่ยวกับจำนำข้าวยังมีอีกกว่า10 คดี
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรมของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ที่ให้บริการรถบัส กับบริษัทฝูอัน ทราเวล จำกัด และ บริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ โดยไม่เรียกเงินค่าเช่ารถบัส แต่มีเงื่อนไขให้นำนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าตามที่บริษัทกำหนด ซึ่งมีราคาสูงเกินจริง และศาลได้ออกหมายจับกรรมการในบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นชาวจีนที่ลักลอบสวมบัตรประชาช และคนไทย ฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่ ไปก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับบริษัทฝูอัน และบริษัทโอเอ รวมมูลค่ากว่า 13,200 ล้านบาท
ด้านพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า สมาคมจีน ได้ยืนยันว่าหลังวันที่ 15 กันยายน นี้ จะไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคม และเจ้าหน้าที่ก็ได้ร่วมกันทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์ต่างๆ ให้มีการปรับปรุง และในขณะนี้นักท่องเที่ยวจีน ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยตามปกติ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้กำชับหากพบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด