การพิจารณาคดีโครงการจำนำข้าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยเป็นนัดที่ 3 น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยกรณีที่รัฐบาลระบุจะไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ยึดทรัพย์คดีจำนำข้าว แต่จะใช้คำสั่งทางปกครองดำเนินการตามกฎหมาย ว่า ไม่แน่ใจว่าการใช้มาตรา 44 จะเป็นการล่วงอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น และได้มีการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากหลายฝ่าย กระบวนการต่างๆ ในวันนี้ยังอยู่ในกระบวนการของศาลที่ยังไม่จบ ซึ่งการเรียกค่าเสียหายคงจะต้องทำหลังจากทราบผลคดีอาญาแล้ว ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีใด จะเป็นอำนาจมาตรา 44 หรือคำสั่งทางปกครอง ถือว่าเป็นการใช้อำนาจในฐานะของการเป็นคู่ขัดแย้ง ดังนั้นจึงควรให้ศาลแพ่งเป็นผู้พิจารณาจะเหมาะสมกว่า
กรณีการส่งทนายไปร้องขอความเป็นธรรมกรณีผลสรุปค่าเสียหายของคณะกรรมการตรวจสอบการรับผิดทางละเมิดรั่วไหล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในเมื่อการตรวจสอบการรับผิดทางละเมิดยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบ และประธานคณะกรรมการก็บอกว่าเป็นความลับ ก็ไม่เข้าใจว่านพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ นำข้อมูลตรงนี้มาได้อย่างไร คิดว่า ถ้ามีความเป็นกลางข้อมูลต่างๆ ก็ไม่ควรรั่วไหลออกไปสู่คนข้างนอก ขอความกรุณาอย่าชี้นำการตัดสินใจของคณะกรรมการเพราะอยากให้การพิจารณาทุกอย่างไม่อยู่บนความกดดันของสังคม แต่พิจารณาจากข้อมูลข้อเท็จจริง
ส่วนการพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงความเห็น ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็อยากให้อยู่บนความพอดี และอยู่บนความสบายใจของประชาชน เพราะเมื่อทุกคนรับร่างรัฐธรรมนูญแล้วกฎหมายรูปต่างๆ ก็ต้องพิจารณาตามเนื้อหาและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
การเดินทางมาที่ศาลฎีกาฯในวันนี้ มีบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตส.ส. ร่วมทั้งประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจเช่นทุกครั้ง
แฟ้มภาพ
รีไรท์ :อรพรรณ สวัสดีผล