หุ้นร่วง31.82 จุด/ดีเอสไอ นัดน้องชายธวัชชัยดูกล้อง/แอร์เอเชียเอ็กซ์ลงผิดสนามบิน

08 กันยายน 2559, 20:05น.


+++วันนี้ ตลาดหุ้น ปิดตลาดที่ 1,455.38 จุด ลดลง 31.82 จุด หรือร้อยละ 2.14 มูลค่าการซื้อขาย 81,642.89 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงวันนี้ น่าจะมาจากการขายทำกำไรของนักลงทุน  เนื่องจากก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมามาก ตลาดหุ้นไทยจึงมีการพักฐานบ้าง ประกอบกับการปล่อยข่าวเชิงลบต่อตลาดเพื่อขายทำกำไร  ดังนั้นขอให้นักลงทุนติดตามข่าวสาร และ ระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นมีความเปราะบางอยู่



+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดลบ 53.67 จุด ที่ 16,958.77 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 177.53 จุด ปิดที่ 23,919.34 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยต่อไปในการประชุมเดือนนี้



+++การเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนส.ค. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ตัวเลขอยู่ที่ 73.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.ที่ 72.5 ถือว่าเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องได้ ขณะเดียวกัน สถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อภาคเกษตรและภาคครัวเรือนต่างจังหวัดเริ่มดีขึ้น ประชาชน คาดหวังว่ารัฐบาลจะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คงเป้าหมายจีดีพีที่ร้อยละ 3.3-3.5 และหากรัฐบาลยังต้องการให้เศรษฐกิจไทยโตได้ถึงร้อยละ 3.3 จะต้องเร่งการเบิกจ่าย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เงินหมุนเข้าสู่ระบบ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยืนยันว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า เป็นไปช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้น จึงเกิดผลกระทบทางจิตวิทยา ไม่กล้าที่จะใช้จ่ายเต็มที่ ทำให้กำลังซื้อไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร   



+++มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีข้อสังเกตว่า แม้ประชาชนเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยังเป็นไปด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะภาคแรงงาน จากการส่งออกที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาดไว้ ทำให้เกิดผลกระทบทางจิตวิทยาว่า ในภาคการผลิต อาจจะไม่มีการทำงานล่วงเวลา (โอที) ลดการทำงานลง ไปจนถึงมีการปลดการจ้างงาน จึงกังวลว่าจะตกงานในอนาคต มองว่า เป็นเพียงการจ้างงานที่ช้าลงเท่านั้น ไม่ใช่การว่างงาน เพราะการส่งออกที่น้อยลง และการปรับโครงสร้างทางการผลิต และยังไม่มีสัญญาณจากภาคเอกชนในการที่จะปลดคนงาน



+++สำหรับค่าเงินบาท ภาคเอกชนต้องการให้อยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะช่วยให้มีแต้มต่อในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่งได้ โดยเฉพาะเวียดนาม จากปัจจุบันที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกัน เชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. แต่จะเริ่มปรับขึ้นหลังจากที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.5-35.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ



+++การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ตามคำเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปีระหว่างนายกฯสองประเทศ  ในวันพรุ่งนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า สองผู้นำมีการหารือระดับทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคง เช่น การกระชับความร่วมมือบริหารจัดการชายแดนและความร่วมมือด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบการค้ามนุษย์ ความมั่นคงทางไซเบอร์ การก่อการร้ายระหว่างประเทศ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารพูดคุยเพื่อสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้  รวมถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าปี 2560 บรรลุเป้าหมายมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการหารือนายกฯ และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ที่ทำเนียบรัฐบาล



+++มติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลความผิดนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) และ อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กรณีสับเปลี่ยนร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว. สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอุดมเดช เปิดเผยว่า ได้ให้ข้อมูลต่อป.ป.ช. ถึงการปรับปรุงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าไม่มีการปลอมแปลงร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของป.ป.ช. ยืนยันว่าได้ทำตามระเบียบขั้นตอนวิธีปฏิบัติทางสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนทำ ได้นำเรื่องไปหารือเจ้าหน้าที่สภาฯ ก็ได้รับการยืนยันมาว่าสามารถทำได้ ไม่ได้ไปแอบกระทำหรือปลอมแปลงร่างรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่ปรับปรุงร่างก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุระเบียบวาระการประชุม เพราะถ้าทำไม่ได้ คงไม่ทำ และจะไปชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ก่อนที่จะมีการลงมติวินิจฉัยถอดถอนจากตำแหน่งต่อไป



+++ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดภูเก็ตและพังงา  นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางตรวจสอบข้อเท็จจริง เปิดเผยหลังการประชุมครั้งแรกว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ในการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นจะมีการขอช้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลจากทางพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำข้อมูลมาวางแนวทางการดำเนินการ คาดว่าจะได้ข้อมูลครบในช่วงต้นสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจจะมีการเชิญพยานทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และครอบครัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 15 วัน ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะมีการทำรายงานถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม และหากพบว่ามีเจ้าหน้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะส่งเรื่องให้กับทางต้นสังกัดดำเนินการ  



+++ส่วนการตรวจสอบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของนายธวัชชัย พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง หรือ พฐ. ยอมรับผลตรวจดีเอ็นเอในถุงเท้าซึ่งเป็นหลักฐานที่พบในห้องควบคุมผู้ต้องหาของดีเอสไอ ที่นายธวัชชัย ใช้ผูกคอตัวเองจนเสียชีวิตว่ามีดีเอ็นเอของผู้ตายติดอยู่ที่ถุงเท้าอย่างชัดเจน ทำให้เชื่อว่าเป็นถุงเท้าของผู้ตาย แต่ในถุงเท้ายังคงพบมีดีเอ็นเอของบุคคลอื่นด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการประมวลผลและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของบุคคลที่แกะถุงเท้าและเจ้าหน้าที่ที่ควบคุม เพราะก็มีความเป็นไปได้ที่ดีเอ็นเออาจะติดภายในหลักฐานดังกล่าวคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆนี้



+++ส่วนการจำลองเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานครั้งล่าสุด โดยการนำถุงเท้าชนิดที่ใกล้เคียงกับที่พบในที่เกิดเหตุมาทดสอบ ยืนยันว่าสามารถเกี่ยวกับบานพับประตูที่รับน้ำหนักของการของการผูกคอได้ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการผูกคอตัวเสียชีวิตหรือมีบุคคลอื่นทำให้เสียชีวิต ซึ่งหากเป็นการผูกคอด้วยตัวเองจะไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลภายนอก แต่หากถูกเป็นฝีมือบุคคลอื่นกระทำจะต้องมีร่องรอยการต่อสู้และขัดขืนทำให้เกิดบาดแผล ส่วนร่องรอยการถูกรัดที่บริเวณลำคอมีขนาดเล็กกว่าความหนาของถุงเท้านั้น จากการจำลองเหตุการณ์เป็นไปได้ว่าถุงมีความยืดยุ่นจากการรับน้ำหนัก



+++นอกจากนี้ ได้มีการจำลองการตกจากที่สูงจนเป็นเหตุให้ตับแตกได้หรือไม่ ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดจะนำต้องนำมารวบรวมประกอบกัน ก่อนสรุปส่งให้พนักงานสอบสวน แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง ซึ่งยังไม่สามารถสรุปหรือให้น้ำหนักไปในทางใดทางหนึ่งได้



+++พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ ได้นัดหมายให้นายชัยณรงค์ น้องชายและญาติของนายธวัชชัย เข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด โดยจะเปิดให้ดูว่าบริเวณใดที่มีกล้องวงจรปิดบริเวณใดไม่มี ระบบบันทึกภาพและเซิร์ฟเวอร์อยู่ตรงจุดใด มีกล้องวงจรปิดทั้งหมดกี่ตัว เพื่อให้เกิดความชัดเจนประเด็นกล้องวงจรปิด เนื่องจากขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย   



+++พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ จะเชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดจับกุมมาสอบปากคำเพิ่มเติม



+++เว็บไซต์สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ว่า หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศของออสเตรเลีย (เอทีเอสบี)  เปิดเผยว่าเครื่องบินของสายการบินแอร์ เอเชีย เอ็กซ์ บรรทุกผู้โดยสาร 212 คน ออกเดินทางจากเมืองซิดนีย์ มุ่งหน้าไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เดินทางไปลงจอดผิดที่ยังเมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลีย หลังจากกัปตันของเครื่องกรอกข้อมูลจุดหมายปลายทางในระบบนำทางผิด เป็นสาเหตุให้ต้องนำเครื่องลงจอดผิดที่เกือบหมื่นกิโลเมตร เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2558 แต่เพิ่งได้รับการเปิดเผย



+++สาเหตุเกิดจากกัปตัน และผู้ช่วยนักบินสลับหูฟังกัน ทำให้ทั้งคู่สลับหน้าที่กันด้วย โดยปกติกัปตันของเครื่อง ต้องเป็นผู้ควบคุมเส้นทางนอกประเทศ ที่เครื่องบินต้องบินไป และผู้ช่วยนักบิน จะต้องเป็นผู้เตรียมข้อมูลการบินต่างๆ ในห้องควบคุม เมื่อกัปตันต้องกรอกตำแหน่งของสถานที่ตั้ง ของจุดหมายปลายทางด้วยการพิมพ์ สถานที่ผิด ระบบนำทางจึงขึ้นสัญญาณแจ้งเตือนว่า ระยะทางที่พิมพ์ผิดพลาด แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่สนใจสัญญาณ เมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลียอยู่ห่างจากเมืองซิดนีย์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 722 กิโลเมตร แต่กรุงกัวลาลัมเปอร์ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซิดนีย์ 6,611 กิโลเมตร



+++เมื่อกัปตันและผู้ช่วยนักบินทราบถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พวกเขาพยายามที่จะปรับแก้ข้อมูลใหม่ แต่ก็สายเกินไป และยิ่งทำให้ระบบรวนหนักขึ้น จึงพยายามที่จะนำเครื่องกลับไปลงจอดที่เมืองซิดนีย์ดังเดิม แต่สภาพอากาศในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวย ทำให้ในที่สุด ต้องพาเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานในเมืองเมลเบิร์น  ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตราย แต่กว่าเครื่องบินจะขึ้นบินอีกรอบ ผู้โดยสารและลูกเรือต้องรอไปอีกสามชั่วโมง ทั้งหมดจึงสามารถเดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์อย่าปลอดภัย



+++ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงก่อนเดินทางกลับสหรัฐฯ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเข้าร่วมการประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ว่ามีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนเอเชียครั้งสุดท้ายก่อนหมดวาระผู้นำประเทศในเดือนม.ค.2560 ด้วย



+++ประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจมากที่สุด คือกรณีระหว่างโอบามากับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ นายโอบามายืนยันว่าไม่ถือสาและติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะดูเหมือนคำนี้จะเป็นคำที่ผู้นำฟิลิปปินส์ใช้จนเป็นคำติดปาก แต่ก็ยอมรับว่ายังมีความกังวลต่อการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดของนายดูเตร์เตในการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,000 ศพ ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน จึงขอให้ผู้นำฟิลิปปินส์บังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกจุด



+++ทั้งนี้ ทำเนียบขาวและทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยืนยันตรงกันว่า ผู้นำของตัวเองได้มีโอกาสสนทนากันเล็กน้อย ระหว่างรอเริ่มงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อคืนวันพุธ และบรรยากาศของการสนทนาเป็นไปด้วยมิตรภาพ บีบีซี รายงานว่า เจ้าภาพจัดให้ผู้นำทั้งสองนั่งทานอาหารค่ำอยู่คนละโต๊ะและไม่ได้พูดกันอีกเลยระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำ 1 ชั่วโมง 20 นาที



+++บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่น รายงานอ้างบริษัทเซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์ ผู้ให้บริการรถไฟชินคันเซ็นว่า บริษัทสั่งพักงานคนขับรถไฟวัย 29 ปี ชั่วคราว หลังมีภาพแสดงให้เห็นคนขับรถไฟ นั่งเหยียดเท้าพาดไปตรงหน้ากระจกหน้ารถ หลังมีการแชร์ภาพทางทวิตเตอร์ คนขับ บอกว่า ต้องการจะเหยียดแข้งเหยียดขาให้หายเมื่อย แต่ตามกฎการขับรถไฟ คนขับจะต้องมองไปข้างหน้าและมือจับอยู่ที่เบรกตลอดเวลา แต่พฤติกรรมของคนขับรถไฟในลักษณะนี้ถือว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งพักงานชั่วคราว พร้อมทั้งขอโทษต่อสาธารณชนและให้คำมั่นว่าจะฝึกอบรมพนักงานให้ดีขึ้น



แฟ้มภาพ



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X