กรมชลฯวาง2แนวทางแก้ภัยแล้งจ.กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี

08 กันยายน 2559, 18:07น.


 



การลงพื้นที่ติดตามการพัฒนาลุ่มน้ำลำตะเพิน ซึ่งอยู่ในพื้นที่รอยต่อของจังหวัดกาญจนบุรี และสุพรรณบุรี ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ลุ่มน้ำลำตะเพิน เป็นลุ่มน้ำต่อเนื่องกับแม่น้ำท่าจีน มีความยาวกว่า 150 กิโลเมตร มีอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน ที่สามารถกักเก็บน้ำได้ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้ว่าในพื้นที่นี้จะมีน้ำสมบูรณ์ทุกปี แต่ในพื้นที่ตอนบนที่มีอำเภอห้วยกระเจา อำเภอหนองปรือ อำเภอบ่อพลอย และอำเภอเลาขวัญ กลับพบปัญหาน้ำแล้งตลอดทั้งปี กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จึงมีแนวทางการแก้ไขปัญหา 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน คือ การดึงน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่กาญจนบุรีตอนล่าง เอาไปเติมที่หนองมะสังข์ อ่างเก็บน้ำนาทะเล ไปเติมที่วัดทิพย์สุคนธาราม ซึ่งการดำเนินงานส่วนนี้เสร็จแล้วร้อยละ 90 ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว คือ การพัฒนาอ่างเก็บน้ำลำตะเพินตอนบน ที่เป็นอ่างเก็บน้ำแบบขั้นบันได มีพื้นที่กักเก็บน้ำ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำแห่งนี้สามารถผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง ไปแม่น้ำท่าจีน ซึ่งการผันน้ำจะไม่ใช่การสูบน้ำ แต่เป็นการผันแบบแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับน้ำเต็มพื้นที่ และยังสามารถผันน้ำไปยังจังหวัดสุพรรณบุรีได้อีกด้วย ทั้งนี้  ความคืบหน้าการดำเนินโครงการขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า





ดร. สมเกียรติ ระบุว่า หลังการศึกษา EIA พบว่ามีสารเคมี และโลหะหนัก ตกค้างในแหล่งน้ำเกินกว่าปริมาณที่กำหนด คาดว่า สารเคมีและโลหะหนักที่พบน่าจะมาจากการทำเกษตร ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่จะต้องรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข เขต อำเภอ ฯลฯ ทราบ และหาทางแก้ไขปัญหานี้ต่อไป เพราะอาจจะส่งผลทำให้น้ำไม่สามารถนำไปอุปโภค บริโภคได้ ทั้งนี้ หากโครงการอ่างเก็บน้ำลำตะเพินตอนบนเสร็จเรียบร้อย จะมีประชาชนในพื้นที่อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ อำเภอด่านช้าง ที่จะได้รับประโยชน์เต็มที่ รองลงมาคือจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากนี้ ยังสามารถขยายการช่วยเหลือโดยการสร้างโครงข่ายน้ำ ส่งน้ำด้วยท่อ ผ่านภูเขา ไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้อีกด้วย





 



ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข  



 



 

ข่าวทั้งหมด

X