ผ่านมาครึ่งวันแล้วสำหรับการรื้อถอนบ้านในชุมชนป้อมมหากาฬ เจ้าหน้าที่สำนักการโยธา และ เจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร(กทม.) ยังทยอยรื้อถอนบ้านเรือนบริเวณป้อมมหากาฬ 12หลังแรกที่เจ้าของบ้านยินยอมให้รื้อถอน เนื่องจากหลายหลังเจ้าของไม่ได้อยู่ในชุมชนแล้ว หรืออาจจะไปย้ายไปอยู่กับญาติพี่น้อง บรรยากาศที่ลานกว้าง หน้าบ้านโบราณ เลขที่ 99 ที่เป็นบ้านไม้สองชั้น มีลานกว้างบริเวณชั้นสอง ลานหน้าบ้าน มีการนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างชาวป้อมมหากาฬ และตัวแทนภาคประชาสังคม และตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไปหลังจากที่มีบ้านในชุมชนอีกกว่า 40 หลังที่ยืนยันจะอยู่ต่อ ไม่ย้ายออกแน่นอน
หนึ่งในหน่วยงานที่เข้ามาแลกเปลี่ยนให้ความเห็น คือ สหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชน คนจนเมือง แห่งชาติ (สอช.) มีตัวแทนสลับกันแสดงความเห็น นายปัณพงค์ พัฒนา ตัวแทนสอช.จากฝั่งปริมณฑล แสดงความเห็นว่า การเข้ามาช่วยเหลือมีส่วนร่วมมือร่วมใจกับชาวบ้านชุมชนป้อมมหากาฬไม่ให้รื้อถอนบ้านเรือน ไม่ได้มีเหตุรุนแรง หรือต้องการปะทะ เพียงแต่ต้องการให้เกิดการเจรจาระหว่างภาครัฐและชาวบ้านและเพื่อให้ภาครัฐเห็นถึงความสำคัญของวิถีชีวิตชาวพระนคร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงต้องมีการเจรจาวางแผนกันล่วงหน้าไม่ใช่เป็นการมัดมือชก พร้อมทั้งตัวแทนสอช.ฝั่งปริมณฑล กล่าวเปรียบเปรย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขนาด สังกะสี รั้ว เจ้าหน้าที่ยังพังเข้ามาได้ ดังนั้นที่สำคัญอยู่ที่พลังใจของคนจน ที่จะไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถผ่านเข้ามาได้
ด้านตัวแทนสอช.ฝั่งธนบุรี เปิดเผยว่า รัฐคิดแต่จัดระเบียบแต่ไม่คำนึงถึงวิถีชุมชนจนลืมไปว่าชาวชุมชนจะไปอยู่ที่ไหนแล้วจะหาสถานที่ใดรองรับรวมถึงจะสร้างรายได้ให้กับชาวชุมชนอย่างไร ซึ่งวันนี้ก็ดีใจที่มาร่วมต่อสู้แม้จะไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่ต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์โดยการร่วมใจกันทำให้เห็นว่าพี่น้องชาวป้อมมหากาฬไม่ได้อยู่เดียวดายยังมีพี่น้องสอช.จากภาคส่วนอื่นๆมาร่วมใจด้วย
ส่วนบรรยากาศอีกด้านที่เจ้าหน้าที่จากกทม.มารื้อ เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะรื้อถอนบ้านหลังที่ไม่ได้อยู่ในการเจรจา12หลัง ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและพร้อมใจกันมาบ้านหลังดังกล่าว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า เกิดการเข้าใจผิดคิดว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในการรื้อถอนด้วย พร้อมกันนี้ชาวบ้านยืนว่าจะยังคงเฝ้าสังเกตการณ์กันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรื้อถอนนอกเหนือจาก12หลังนี้
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ