ผู้ว่าฯททท.ชูกระแสT-POPตลาดจีน มั่นใจไวรัส-ระเบิดไม่กระทบท่องเที่ยวไทย

 แนวโน้มสถานการณ์การท่องเที่ยวไตรมาส 3 ของปี 2559 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ที่มากขึ้น แม้จะมีเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน แต่ไม่ทำให้ความเชื่อมั่นจากการท่องเที่ยวลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเดินทางมาเที่ยวในไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเหตุระเบิด เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และมองว่าปีนี้ฤดูหนาวจะมาเร็วกว่าปกติ จะทำให้การท่องเที่ยวเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยสถานการณ์ความไม่สงบในหลายประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเปลี่ยนมาเที่ยวในไทยมากขึ้น

ส่วนกรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) จะจัดให้ประเทศไทยให้อยู่ในกลุ่มประเทศกลุ่มเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัสซิก้า และเมอร์ส เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ และที่สำคัญคือไทยไม่อยู่ในพื้นที่สีแดง และเชื่อว่ามาตรการควบคุมโรคของไทย อยู่ในมาตรฐานระดับโลก สามารถควบคุมสถานการณ์ได้  ในช่วง 3 ไตรมาสแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2559 ประเทศไทยมีรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 1.88 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ 24.94 ล้านคน สร้างรายได้ 1.25 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ 111 ล้านคน สามารถสร้างรายได้ถึง 6.29 แสนล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ ระบุว่า ใน 9 เดือนแรกเติบโตได้ดีเกือบทุกภูมิภาค โดยนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 อเมริกาเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 อาเซียน เอเชียใต้ และยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 แอฟริกาเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ส่วนโอเชียเนีย ลดลงร้อยละ 0.7 แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นร้อยละ 1.25 ในไตรมาสที่ 3  สำหรับตลาดกลางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง คือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ประเทศในกลุ่มอินโดจีน ได้แก่ เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม และในกลุ่มประเทศ อินเดีย เนปาล ซาอุดิอาระเบีย  ขณะที่ตลาดระยะไกลที่สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง คือ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สวีเดน รัสเซีย ยุโรปตะวันออก สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล อาเจนติน่า  โดยททท. มีกิจกรรมที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากมาย อาทิ Women's Journey, การมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเยาวชนในตลาดญี่ปุ่น และการใช้ T-pop สร้างตลาดในกระแสจีนอีกด้วย