ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาคดีทุจริตที่ดินในจังหวัดพังงา ที่ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในห้องควบคุม ชั้น 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ
ล่าสุดพลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า โรงพยาบาลได้รับแจ้งจากดีเอสไอว่ามีคนเป็นลมหมดสติ ขอให้โรงพยาบาล จัดชุดแพทย์ฉุกเฉินไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในเวลา 01.10น. ของวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ต่อมาเวลา 01.15 น. ชุดแพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปถึงดีเอสไอและพบว่า นายธวัชชัย อยู่ในภาวะวิกฤตแล้วโดยต้องทำการปั๊มหัวใจ (ซีพีอาร์) ในทันที จากนั้นได้นำตัวส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อช่วยชีวิตโดยใช้ท่อช่วยหายใจ จนกระทั่งเสียชีวิตในเวลา 04.45 ต่อมามูลนิธิปอเต็กตึ๋งได้รับศพในเวลา 08.15 น.เพื่อส่งให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจชันสูตรพลิกศพ ผลการชันสูตรพบว่านายธวัชชัย ขาดออกซิเจน ตับแตก เลือดออกในช่องท้อง เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
นายแพทย์เหรียญทอง ยืนยันว่า การปั๊มหัวใจไม่สามารถส่งผลให้ตับแตกได้เนื่องจากอยู่คนละส่วนของร่างกาย โดยเทคนิคและวิธีการปฏิบัติบริเวณตำแหน่งของช่องทรวงอกมีผลต่อหัวใจและปอด ส่วนตับเป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องคนละช่อง คนละตำแหน่งกันกับการการปั๊มหัวใจในกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ ซึ่งต้องกลับไปถามแพทย์ที่ชันสูตรว่าตับแตกเกิดจากสาเหตุใด
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลจะมีการชี้แจงอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่ดีเอสไอยังไม่มีการชี้แจงภายหลังการโพสเฟสบุ๊คของทางโรงพยาบาล ระบุเพียงว่า ต้องรอผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจากสถาบันนิติเวช รวมถึงข้อสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
CR:พนิตา สืบสมุทร
เนื้อหาชี้แจงฉบับเต็ม
ได้โปรดแชร์ถึงนักข่าวจำนวนมากที่สอบถามถึงกรณีการเสียชีวิตของ นาย ธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหากรมสอบสวนคดีพิเศษ
เนื่องจากเช้าวันนี้ (1 ก.ย.59 ก่อน 12.00 น.) ผมจะต้องยื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาบุคคลที่มีพฤติกรรมสนับสนุนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อโปรดเกล้าฯเป็นผู้พิพากษาโดยจะต้องยื่นหนังสือคัดค้านเข้าสู่คณะกรรมการตุลาการผ่านเลขาศาลยุติธรรม ผมจึงขอเรียนชี้แจงนักข่าวจำนวนมากที่สอบถามถึงกรณีการเสียชีวิตของ นาย ธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหากรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นลายลักษณ์อักษรดังความต่อไปนี้
เวลา 01.10 น. ของวันที่ 30 สิงหาคม 2559 โดยประมาณ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้รับแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ว่ามีคนเป็นลมหมดสติ ขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ จัดชุดแพทย์ฉุกเฉินไปช่วยเหลือด่วน
เวลา 01.15 น. ชุดแพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษและพบว่า นาย ธวัชชัย อนุกูล อยู่ในภาวะวิกฤตแล้วโดยต้องทำการช่วยฟื้นคืนชีพ ( CARDIOPULMONARY RESUSCITATION , CPR) ในทันทีจากนั้นได้รีบนำตัวไปรักษาที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ
เวลา 01.33 น. ชุดแพทย์ฉุกเฉินนำตัว นาย ธวัชชัย อนุกูล มาถึงห้องฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ แล้ว พยายามช่วยฟื้นคืนชีพ (CARDIOPULMONARY RESUSCITATION , CPR) หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า “ปั๊มหัวใจ” โดยต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ณ ห้องฉุกเฉิน คลื่นไฟฟ้าหัวใจของ นาย ธวัชชัย อนุกูล หยุดหลายครั้ง แต่ก็ยังพอกระตุ้นให้หัวใจกลับฟื้นคืนได้ชั่วคราวแต่อาการของนาย ธวัชชัย อนุกูล ก็ไม่ได้ฟื้นกลับคืนสภาพที่พ้นภาวะวิกฤต
เวลา 02.40 น. ได้ย้าย นาย ธวัชชัย อนุกูล จากห้องฉุกเฉินไปยังหน่วยอภิบาลผู้วิกฤต (CRITICAL CARE UNIT) ซึ่งอาการของ นาย ธวัชชัย อนุกูล ยังคงเลวร้ายหรือวิกฤตลงอย่างต่อเนื่องจำต้องทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CARDIOPULMONARY RESUSCITATION , CPR) ตลอดเวลาแต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้จนเสียชีวิตในเวลาประมาณ 04.45 น.
เวลา 08.15 น.เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิปอเต๊กตึ๊งได้มาเคลื่อนย้ายศพออกไปจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ ซึ่งต่อมาผมได้ทราบจากนักข่าวว่าถูกนำไปชัณสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่สถาบันนิติเวชศาสตร์
เวลา 17.45 น.ของวันที่ 31 สิงหาคม จนถึง ปัจจุบัน ณ วันที่ 1 กันยายน 2559 ผมถูกนักข่าวโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมากล้วนแล้วแต่มีประเด็นว่า “การปั๊มหัวใจ” นาย ธวัชชัย อนุกูล เป็นเหตุให้ นาย ธวัชชัย อนุกูล ขาดอ๊อกซิเจน และตับแตก ตกเลือดในช่องท้องจนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้หรือไม่
ผมขอตอบนักข่าวและสาธารณชนว่า
1. ชุดแพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้รับแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่ามีคนเป็นลมหมดสติ ขอให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ จัดชุดแพทย์ฉุกเฉินไปช่วยเหลือด่วนโดยชุดแพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ได้รับทราบข้อมูลว่า มีการผูกคอตาย
2. ชุดแพทย์ฉุกเฉิน รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ ( CARDIOPULMONARY RESUSCITATION , CPR) ที่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพซึ่งมีการให้อ๊อกซิเจน และช่วยการหายใจ การปั๊มหัวใจ ฯลฯ เพื่อการฟื้นคืนชีพ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่การช่วยฟื้นคืนชีพ ( CARDIOPULMONARY RESUSCITATION , CPR)จะทำให้ นาย ธวัชชัย อนุกูล ขาดอ๊อกซิเจนมีแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดอ๊อกซิเจนเสียด้วยซ้ำ
3. การปั๊มหัวใจในกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ(CPR) นั้นมีเทคนิคและวิธีการปฏิบัติบริเวณตำแหน่งของช่องทรวงอกเพื่อมีผลต่อหัวใจและปอด ส่วนตับเป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องคนละช่อง คนละตำแหน่งกันกับการการปั๊มหัวใจในกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ ทั้งนี้ช่องทรวงอกและช่องท้องนั้นถูกแบ่งกั้นจากกันด้วยกะบังลม ดังนั้น.การปั๊มหัวใจในกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพจึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตับแตกและตกเลือดในช่องท้องได้ ... ผมขอเน้นย้ำว่าการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นการปฏิบัติที่หัวใจและปอด ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับตับครับ...นาย ธวัชชัย อนุกูล ตับแตกจากสาเหตุใด รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่ทราบ นักข่าวต้องสอบถามจากนิติเวชแพทย์ผู้ชัณสูตรโดยตรงครับ
4. ผมขอประทานโทษนักข่าวจำนวนมากจริงๆที่ต้องแถลงกรณีดังกล่าวผ่านทางเพจส่วนตัว เพราะผมติดภารกิจยื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาบุคคลที่มีพฤติกรรมสนับสนุนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อโปรดเกล้าฯเป็นผู้พิพากษา โดยผมจะต้องยื่นหนังสือคัดค้านเข้าสู่คณะกรรมการตุลาการผ่านเลขาศาลยุติธรรมภายในก่อนเที่ยงวันนี้ (1 ก.ย.59) หากยังไม่ชัดเจนหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมค่อยติดต่อผมที่ โทร........เวลาบ่ายๆ หรือเวลาเย็นๆนะครับ
ขอประทานอภัยที่ไม่สะดวกในการสัมภาษณ์หรือจัดแถลงข่าวไว้ ณ ที่นี้ครับ แต่หากจำเป็นแล้วผมจะจัดตอบข้อซักถามในโอกาสต่อไปให้ครับ
พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา
1 กันยายน 2559
เวลา 10.45 น.