การลงมติว่าจะถอดถอนประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ วัย 68 ปี ออกจากตำแหน่งหรือไม่ หลังถูกกล่าวหาว่าโยกย้ายเงินทุนระหว่างงบประมาณต่างๆ ของรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายในบราซิล เพื่ออุดช่องว่างของการขาดดุลงบประมาณในโครงการประชานิยม เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนต.ค. 2014 หรือโทษฐานตกแต่งบัญชีตัวเลขสถานะการเงินการคลังของประเทศให้ดูดีเกินจริง
ล่าสุด ที่ประชุมวุฒิสภาบราซิล ลงมติถอดถอน ประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ ออกจากตำแหน่ง ด้วยคะแนนเสียง 61 - 20 เนื่องจากละเมิดกฎหมายงบประมาณ ใช้เงินโดยผิดกฎหมายจากธนาคารหลายแห่งของรัฐ เพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายในภาครัฐ ทั้งนี้ ฝ่ายค้าน ต้องได้อย่างน้อย 54 เสียง จากสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 81 ที่นั่ง ในการสนับสนุนมติให้ถอดถอนรูสเซฟฟ์ ส่วนการลงมติรอบที่ 2 เกี่ยวกับมาตรการที่จะห้ามเธอรับตำแหน่งสาธารณะเป็นเวลา 8 ปี คะแนนเสียง ส.ว. ที่สนับสนุนมตินี้อยู่ที่ 42 - 36 ไม่ถึง 54 เสียง ยุติการครองอำนาจนาน 13 ปี นางรูสเซฟฟ์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 36 ของบราซิล ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2554
ภายหลังการถูกถอดถอนนางรูสเซฟฟ์ เปิดเผยว่า การลงมติถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ถือเป็นการก่อรัฐประหารในรัฐสภาโดยการเมืองฝ่ายขวา พร้อมกับประกาศจะนำพรรคคนงานของเธอจะกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง
ด้านนายมิเชล เทเมอร์ อดีตรองประธานาธิบดี ที่ทำหน้าที่รักษาการผู้นำบราซิล นับตั้งแต่นางรูสเซฟฟ์ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือน พ.ค. สาบานตนต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในเวลา 16.00 น.ของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดี ทำหน้าที่ตามวาระที่เหลืออยู่ของนางรูสเซฟฟ์จนถึงปี 2561
ทั้งนี้ กระบวนการถอดถอนนางรุสเซฟฟ์เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนเม.ย. หลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบ 367 เสียงต่อ 137 ให้มีการพิจารณาถอดถอนนางรูสเซฟฟ์ ต่อมาในวันที่ 12 พ.ค. วุฒิสภาโหวตเห็นชอบให้เริ่มกระบวนการถอดถอนนางรูสเซฟฟ์ออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 55 เสียง ต่อ 22 เสียง ทำให้นางรูสเซฟฟ์ถูกพักงานและนายเทเมอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการประธานาธิบดี
CR:AFP,BBC