สว.ส่วนใหญ่จะลงมติถอดถอนปธน.บราซิล/โฆษกISเสียชีวิตในซีเรีย/ไอร์แลนด์-แอปเปิลอุทธรณ์คำสั่งอียู

+++ความเคลื่อนไหวไต้ฝุ่นหมายเลข 10 ไลออนร็อค สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว รายงานสถานการณ์ เมื่อเวลา 22.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อคืนนี้ ว่าไต้ฝุ่น มีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณทางใต้ของเกาะฮอกไกโด ขอให้คนไทยที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณดังกล่าวระวังภัยจากฝนตก น้ำท่วม ลมแรง และดินถล่ม

+++ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเตรียมความพร้อมรับมือ  ที่ท่าอากาศยานนิวชิโตเสะ บนเกาะฮอกไกโด อิทธิพลของไต้ฝุ่นไลออนร็อค ส่งผลให้เที่ยวบินภายในประเทศกว่า 100 เที่ยวบิน รวมทั้งการให้บริการรถไฟด่วนชินคันเซน ถูกระงับ ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าสองแห่งที่อยู่ในเส้นทางที่ไต้ฝุ่นเคลื่อนผ่าน ต้องหยุดการผลิตชั่วคราว

+++ไปที่บราซิล นางดิลมา รูสเซฟ วัย 68 ปี ประธานาธิบดีหญิงบราซิลที่ถูกสั่งพักงาน เข้าสู่กระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง โทษฐานตกแต่งบัญชีตัวเลขสถานะการเงินการคลังของประเทศให้ดูดีเกินจริง ขณะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในวุฒิสภาเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่สภาจะลงมติโหวตในวันนี้ ว่าจะถอดถอนนางรูสเซฟ ออกจากตำแหน่งอย่างถาวรหรือไม่ สำหรับมติที่จะถอดถอนนางรูสเซฟได้อย่างถาวรต้องใช้เสียงวุฒิสมาชิก 54 เสียง จากที่ประชุมทั้งหมด 81 คน

+++นสพ.โฟลฮา เดอ เซาเปาลู ของบราซิล ใช้วิธีสอบถาม สว.พบว่า 52 คน ประกาศแล้วว่าจะลงมติถอดถอนนางรูสเซฟอย่างแน่นอนเท่ากับว่าตอนนี้ ยังขาดอีกเพียง 2 เสียงเท่านั้น ก็จะถอดถอนเธอ ออกจากตำแหน่งได้ 

+++กลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิลสาม(ไอเอส) ยอมรับว่า นายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษกของไอเอส เสียชีวิตแล้ว ระหว่างเข้าไปสังเกตการณ์ปฏิบัติการทางทหารในจังหวัดอเลปโปของซีเรีย ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า แกนนำระดับสูงของไอเอสคือเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศของกองทัพพันธมิตรที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำในจังหวัดอเลปโปเมื่อวันอังคาร

+++ด้านสำนักข่าวอามักของไอเอส รายงานว่า ไอเอสประกาศจะล้างแค้นให้ นายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-อัดนานี มาจากจังหวัดอิดลิบของซีเรีย เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในอิรัก

+++ที่โซมาเลีย ร.ต.อ.โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสของโซมาเลีย เปิดเผยว่า เกิดเหตุระเบิดใกล้กับประตูทางเข้าของทำเนียบประธานาธิบดีแห่งโซมาเลีย ในกรุงโมกาดิชู คนร้ายมือระเบิดฆ่าตัวตายได้จุดชนวนระเบิดในรถบรรทุก โจมตีเมื่อช่วงเช้าช่วงที่มีการจราจรติดขัด แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ บาดเจ็บประมาณ 28 คน ผู้บาดเจ็บเป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีซึ่งอยู่ในโรงแรมเอสวายแอลที่อยู่ใกล้กัน และแรงระเบิดยังทำให้ตัวอาคารของโรงแรมได้รับความเสียหายด้วย โรงแรมแห่งนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักธุรกิจเข้าไปใช้บริการเป็นประจำ

+++สถานีวิทยุอันดาลุส รายงานว่า กลุ่มก่อการร้าย อัล-ชาบับ ประกาศอ้างความรับผิดชอบ

+++ศาลสิงคโปร์ตัดสินจำคุกชายชาวบังกลาเทศ 2 คนคือ นายซีซาแมน เดาลัต วัย 34 ปี ถูกจำคุก 24 เดือนและนายมามุน ลีก็อต อาลี วัย 30 ปีถูกจำคุก 30 เดือนฐานวางแผนระดมเงินทุนสนับสนุนก่อการร้ายในบ้านเกิด ทั้งสองคนรับสารภาพ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาให้การปฏิเสธ หลังถูกจับกุมภายใต้กฏหมายใหม่ด้วยการปราบปรามก่อการร้าย โดยทั้งสองคนถูกจับกุมเมื่อเดือนเมษายน พร้อมชาวบังกลาเทศหัวรุนแรงอื่นอีก 6 คน ภายใต้กฏหมายความมั่นคง ในข้อหาวางแผนล้มล้างรัฐบาลบังกลาเทศ

+++ด้านอัยการสิงคโปร์ระบุว่านายซีซาแมน คนงานก่อสร้างมีรายได้ 1,300-1,500 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน บริจาคเงิน 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้กับหัวหน้าขบวนการ นายเราะห์มาน มิซานูร์ เพื่อนำไปใช้จ่ายในการเคลื่อนไหวก่อการร้ายในบังกลาเทศ สำหรับนายมิซานูร์อยู่ในกลุ่มชาวบังกลาเทศ 4 คนที่ถูกศาลสิงคโปร์สั่งขบวนการคุก 24-60 เดือน เมื่อเดือนกรกฏาคม ฐานระดมเงินสนับสนุนก่อการร้าย

+++สงครามกลางเมืองในประเทศเยเมนในช่วง 18 เดือน เป็นการสู้รบกันระหว่างกลุ่มชาวฮูตีที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่านและผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ ต่อสู้กับฝ่ายประธานาธิบดีอับดุรร็อบบะฮ์ มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอาหรับที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 10,000 ศพ ข้อมูลตัวเลขนี้ได้มาจากสถานพยาบาลในประเทศเยเมน แต่ตัวเลขก็อาจสูงขึ้นกว่านี้ เพราะบางพื้นที่ก็ยังไม่มีสถานพยาบาลประกอบกับประชาชนมักจะฝังศพของผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำบันทึกเอาไว้

+++ผู้ประสานงานเพื่อมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า สงครามความขัดแย้งในเยเมน ยังทำให้ชาวเยเมนต้องอพยพไร้ที่อยู่อาศัย 3 ล้านคน และอีก 2 แสนคนต้องหาทางอพยพไปต่างประเทศ แต่สหประชาชาติก็มีข้อมูลว่า ชาวเยเมน 900,000 คน ต้องกลับมาอยู่บ้านเกิดของพวกเขา

+++คณะกรรมาธิการยุโรป มีคำสั่งให้แอปเปิล ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังของสหรัฐฯ ต้องชำระภาษีพร้อมดอกเบี้ยสูงสุด 13,000 ล้านยูโร (ราว 5 แสน 1,707 ล้านบาท) ให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์ หลังจากชี้ขาดว่า การที่ไอร์แลนด์ให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่แอปเปิล ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือของรัฐอย่างผิดกฎหมาย

+++คณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวหาไอร์แลนด์ในปี 2557 ว่า หลบเลี่ยงระเบียบภาษีสากลด้วยการให้แอปเปิลเสียภาษีน้อยแลกกับการจ้างงานในไอร์แลนด์ต่อไป

+++นายไมเคิล นูนัน รัฐมนตรีคลังไอร์แลนด์ แถลงว่า จะขอให้รัฐบาลอนุมัติเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อปกป้องระบบจัดเก็บภาษีของประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจ ส่วนระบบจัดเก็บภาษีที่ใช้กับแอปเปิลก็ยกเลิกไม่ได้ใช้แล้ว

+++ด้านแอปเปิลยืนยันว่าจะอุทธรณ์เช่นกัน

+++การตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปจะมีผลต่อการลงทุนและการจ้างงานในยุโรป แอปเปิลมีพนักงานในเมืองคอร์กของไอร์แลนด์ 5,500 คน หรือราว 1 ใน 4 ของพนักงานทั้งหมดในยุโรป

+++นายเอ็มมานูเอล มาครง รัฐมนตรีเศรษฐกิจของฝรั่งเศส ในวัย 38 ปี แถลงต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจว่า นายเอ็มมานูเอล  ไม่ยอมพูดถึงการเสนอตัวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2560 ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส ได้เสนอชื่อนายเอ็มมานูเอล  ร่วมอยู่ในคณะรัฐบาลของเขาเมื่อปี 2557 แต่หลายคนไม่พอใจนโยบายการบริหารงาน เช่นการเสนอชั่วโมงการทำงานสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง เป็นต้น 

+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รายงานเหตุเพลิงไหม้ อาคารสูง 28 ชั้นที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างใจกลางกรุงอาบูดาบี  สามารถมองเห็นกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นมาจากบริเวณชั้น 20 ของตัวอาคารพาณิชย์ที่ก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง

+++เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ช่วยเหลือและนำตัวคนงานก่อสร้างออกมาจากตัวอาคาร รวมถึงแขกและพนักงานของโรงแรมหรูที่อยู่ติดกัน การอพยพเป็นไปด้วยดี ไม่พบรายงานผู้บาดเจ็บร้ายแรง

+++เป็นเหตุเพลิงไหม้ล่าสุดครั้งที่ 5 แล้วที่เกิดขึ้นกับอาคารสูงระฟ้าในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เช่น เมื่อต้นเดือนส.ค. เกิดเพลิงไหม้อาคารสูงที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างในกรุงอาบูดาบี อาคารได้รับความเสียหาย เมื่อเดือนก.ค. เพลิงไหม้อาคารที่อยู่อาศัยสูง 75 ชั้น สุลาฟา ทาวเวอร์ ในเขตมารินาของกรุงอาบูดาบี ช่วงวันส่งท้ายปีเก่า มีเหตุเพลิงไหม้โรงแรมในกรุงอาบูดาบี เป็นต้น

+++ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า เพลิงลุกไหม้ไปอย่างรวดเร็วเพราะวัสดุติดไฟง่ายถูกนำมาใช้ในการตกแต่งภายในตัวอาคารหรือเป็นฉนวน ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงได้สั่งแก้ไขกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารให้มีความปลอดภัย ระบุว่า วัสดุหุ้มตัวอาคารสูงตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไปต้องเป็นวัสดุทนไฟ แต่ตัวอาคารเก่าได้รับการยกเว้น

แฟ้มภาพ