การชำระค่าปรับจราจรโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ขยายช่องทางให้บริการประชาชน
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ เป็นการร่วมขับเคลื่อนนโยบาย National e-Payment ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และยกระดับมาตรฐานงานด้านบริการประชาชน โดยธนาคารกรุงไทยมีศักยภาพในการติดตั้งระบบการเชื่อมต่อข้อมูลรองรับการชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย มีระบบตรวจสอบการรับส่งเงิน ตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด จึงมั่นใจว่าบริการรับชำระค่าปรับจราจรผ่านธนาคารกรุงไทย จะช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลา และภาระในการเดินทางของประชาชน โดยแผนการทำงานในช่วงต่อไป คือจะให้บริการรับชำระด้วยบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ผ่านตัวแทนรับชำระเงิน (Banking Agent) และเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะนำกล้องบันทึกภาพติดรถยนต์ ไปติดตั้งที่รถไฟฟ้า เพื่อตรวจจับรถยนต์ที่จอดในที่ห้ามจอดหรือจอดกีดขวางเส้นทางจราจรในพื้นที่แออัด หากพบผู้ฝ่าฝืน ตำรวจจะออกใบสั่งออนไลน์ และส่งไปที่บ้านพักตามทะเบียนราษฎร์ ซึ่งการตรวจสอบทะเบียนรถเพื่อออกใบสั่งนี้ ยังช่วยลดจำนวนรถยนต์สวมทะเบียนปลอม และเป็นพื้นที่ตัวอย่าง ก่อนที่จะนำไปใช้จริงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่ยอมเสียค่าปรับก็จะมีการเพิ่มโทษและหากทำผิดหลายครั้งก็จะพักใช้ใบขับขี่
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเสริมการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยขยายช่องทางรับชำระเงินค่าปรับจราจร ให้กับผู้ที่ได้รับใบสั่งจราจรในรูปแบบไม่ยึดใบขับขี่ จากเดิมที่ต้องไปชำระที่สถานีตำรวจ ซึ่งจะให้บริการรับชำระกับผู้ที่ได้รับใบสั่งจากกล้องของกองบังคับการตำรวจจราจร กองบังคับการตำรวจทางหลวง และสถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนำใบสั่งที่ออกตั้งแต่ 1 กันยายน 2559 และมีแถบบาร์โค้ดไปชำระที่เคาน์เตอร์สาขากว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ และ KTB netbank ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ และผ่านเครื่องเอทีเอ็มกว่า 9,000 เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2559 นอกจากนี้ ธนาคารจะขยายการรับชำระใบสั่งทุกประเภท ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ภายในเดือนมกราคม 2560
..
ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ