สตม. เร่งกวาดล้างผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่หลบหนีการจับกุมมาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย

การจับกุมกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติที่ก่อคดีแล้วมาหลบซ่อนในไทย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) แถลงผลการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ คนหลบหนีเข้าเมืองและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศ  โดยมีคดีที่น่าสนใจ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางหวัง เจี่ยนหลาน อายุ 31 ปี และพวกรวม 3 คน ซึ่งได้ร่วมกันฉ้อโกงภาษีรัฐบาลจีน รวมค่าเสียหายสูงถึง 220 ล้านหยวน หรือ 1,050 ล้านบาท และลักลอบขนส่งสารต้องห้ามอันตรายข้ามประเทศซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงในหลายประเทศซึ่งหลังก่อเหตุ ทั้งหมดได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สืบสวนและดำเนินการตามควบคุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และที่เซ็นริโอคอนโดมิเนียม จังหวัดภูเก็ต

คดีต่อมา เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายสมอลนิคอฟ วาซิลี อายุ 42 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากล โดยนายสมอลนิคอฟ เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาซึ่งมีพฤติกรรมฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสารการก่อสร้างของรัฐบาล และจงใจติดสินบนเจ้าหน้าที่ เมื่อถูกตรวจสอบก็หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2556 ด้วยวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีข้อมูลการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ชุดสอบสวน จึงติดตามควบคุมตัว ได้ในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

ยังมีการควบคุมตัวนายมาร์คูส แอนเดย์ อายุ 56 ปีสัญชาติเยอรมัน ซึ่งหนีหนี้และมีหมายศาล หลังถูกหมายจับที่ประเทศเยอรมัน

นายปราทริส จิเลียน่าอายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ที่หลบหนีซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย หลังศาลได้มีคำพิพากษาตัดสินให้จำคุก 15 ปี เนื่องจากก่อเหตุข่มขืนลูกสาวของตัวเองที่เกิดกับภรรยาคนเก่าเมื่อปี 2555 ซึ่งชุดสอบสวนได้ควบคุมตัวนายปาทริส ได้ที่บริเวณปากซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร

นายพอล สตูรบิน อายุ 67 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ แต่หลบหนีเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2556 ชุดสอบสวนควบคุมตัวนายพอล ได้ที่สถานบริการแห่งหนึ่งในพัทยา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายพอลอยู่ในราชอาณาจักรเกินกําหนดจนถึงปัจจุบันมีจำนวนถึง 960 วัน

พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาเหล่านี้กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศตามหมายจับโดยเร็วที่สุด และจะเร่งดำเนินการกวาดล้างอาชญากร โดยมีการประสานงานกับตำรวจสากลตลอดเวลา เพื่อไม่ให้อาชญากรใช้ประเทศไทยเป็นซ่อนตัว และได้ชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศพักพิงของอาชญากรข้ามชาติ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังได้ควบคุมตัวชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศเกินกำหนด หรือเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เพื่อผลักดันกลับประเทศต้นทาง โดยตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2558 - สิงหาคม 2559 สามารถควบคุมตัวและผลักดันชาวต่างที่อยู่เกินกำหนดและเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายได้ถึง 11275 คน

ส่วนการดำเนินการจับกุมกรณีแก๊งต่างชาติปล่อยไวรัสเข้าสู่ระบบเอทีเอ็มธนาคารออมสิน และได้เงินไปกว่า10 ล้านบาท ล่าสุดกำลังดำเนินเปรียบเทียบใบหน้าคนร้ายซึ่ง ทราบว่าเป็นชาวยุโรปตะวันออก โดยไล่ไปทีละชาติ ได้แก่รัสเซีบ โรมาเนีย ลัตเวีย โดยแม้ว่าภาพถ่ายที่ได้มาจะไม่ชัดแต่ขออย่ากังวล เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีได้ดำเนินการอย่างเต็มที่

...

ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี