บีบีซีรายงานว่าปัญหาหมอกควันหวนกลับยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้ง มลพิษทางอากาศจากการเผาป่าและป่าพรุเตรียมที่ดินสำหรับการเพาะปลูกพืชที่สร้างรายได้งามเช่น ปาล์มน้ำมันในจ.กาลีมันตัน เกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซียส่งผลให้เกิดปัญหาหมอกควันลอยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเซีย ภาคใต้ของประเทศไทยและฟิลิปปินส์ แต่ละปีคนในภูมิภาคนี้เสียชีวิตและเจ็บป่วยจากระบบทางเดินหายใจจำนวนมาก เฉพาะวันนี้พบว่ามีจุดที่มีการจุดไฟเผ่าป่าบนเกาะบอร์เนียวราว 100 จุด ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 6 จังหวัด ย้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ปราบปรามการลักลอบเผาและถางป่าอย่างจริงจัง
แต่ปัญหานี้ก็ยังเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตอย่างต่อเนื่อง โดยอินโดนีเซียถูกสิงคโปร์และมาเลเซียกล่าวหาว่าไม่ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้มีกลิ่นควันในอากาศในสิงคโปร์มาก่อนหน้านี้หลายวัน แต่ตลอดวันนี้ทัศนวิสัยจากออฟฟิซต่างๆในสิงคโปร์บ่งชี้ว่าปัญหาหมอกควันส่งผลให้ทัศนวิสัยเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ โดยสิงคโปร์มีการใช้ดัชนีวัดมาตรฐานมลพิษทางอากาศ(พีเอสไอ) หากตัวเลขเกิน 100 ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่พบว่าตัวเลขพีเอสไอเฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงมาถึงวันนี้สูงเกิน 100 เล็กน้อย
ค่าพีเอสไอ 3 ชั่วโมงถึงเวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ พบว่าตัวเลขอยู่ที่ 215 ซึ่งหมายความว่า คนสิงคโปร์สามารถได้กลิ่นคล้ายควันไหม้ในตึก มีกลิ่นติดอยู่ตามเส้นผม เสื้อผ้าและมีอาการระคายตา ประชาชนเริ่มยกเลิกการจัดกิจกรรมกลางแจ้งที่กำหนดไว้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้และเริ่มซื้อหน้ากากกันฝุ่นกักตุนไว้จำนวนมาก แต่ขณะนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากเท่ากับเมื่อปีก่อนเมื่อค่าพีเอสไอ เกิน 300 ทำให้มีทัศนวิสัยลดลงมาก แทบจะมองไม่เห็นสองข้างทางเมื่อขับขี่รถและการออกนอกอาคารบ้านเรือนโดยไม่สวมหน้ากากกันฝุ่นจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ