การใช้อำนาจตามมาตรา44 สั่งพักงานราชการหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยยังไม่พ้นจากตําแหน่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีเรื่องทักท้วงมาจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และหน่วยงานสอบสวนต่างๆ ในส่วนตัวยังไม่ได้กล่าวว่าทุจริตหรือไม่ เพียงแต่ขณะนี้ให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบก่อน หากไม่ผิดก็สามารถกลับมาทำงานปกติ หรือทำงานที่ไหนแล้วแต่ตามความเหมาะสม การตรวจสอบดังกล่าวไม่เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ ไม่เช่นนั้นต้องใช้มาตรา44 สั่งพักงานผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพราะจังหวัดอื่นก็เกิดปัญหาน้ำทั่วเช่นกัน ซึ่งทุกวันนี้การบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลก็เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่มีการคัดค้านในหลายพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและจำนวนน้ำมีปริมาณมากขึ้น หากไม่ร่วมมือกันจะดำเนินการได้อย่างไร ดังนั้นต้องแก้ไขปัญหาน้ำตั้งแต่ต้นทาง วันนี้แก้ได้แต่เพียงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดไปบริหารจัดการน้ำ และได้ให้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปช่วย ก็จะเห็นว่าสถานการณ์น้ำในปัจจุบันดีขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
อย่าไปทะเลาะกับคนอื่น เพราะเสียเวลาและไม่อยากไปตอบโต้คนที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งสงสัยว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงหลีกเลี่ยงกฏหมายทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย พร้อมทั้งขอสื่อมวลชน ให้ไปไล่ล่าคนเหล่านั้นอย่าไล่ล่าตัวนายกรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้ทำแต่สิ่งที่ดี แต่คนเหล่านั้นพยายามนำสิ่งที่ดีกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิม ซึ่งนายกรัฐมนตรีถามว่าเป็นธรรมกับตัวเองและประชาชนอีก70 ล้านคน ที่รอคอยความหวังอยู่
นายกรัฐมนตรีขอให้สื่อมวลชนร่วมกันกับคสช .ทำประวัติศาสตร์ประเทศไทยให้ได้ หากผลออกมาไม่ดีเราทุกคนก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ตัวเองจะรับมากหน่อย แต่อย่าโยนมาที่ตัวเองคนเดียว
ส่วนการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ครบรอบ 96ปี นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้กำลังใจมามาก ไม่ท้อแท้และไม่เคยเหนื่อยอยู่แล้ว ซึ่งก็เคารพพลเอกเปรม มาโดยตลอด พร้อมทั้งย้ำว่าไม่เคยทะเลาะกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพียงแค่สิ่งใดที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็จะมาคุยและหาข้อสรุป นี่ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน
ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพ ขณะนี้ก็ได้เซ็นไปหมดแล้ว อยู่ในขั้นตอนการทำรายชื่อและรอผู้บัญชาการเหล่าทัพลงนาม จากนั้นก็จะเรียกเข้ามาชี้แจงถึงสาเหตุการเลือกผู้นำเหล่าทัพคนใหม่ ซึ่งต้องดูตามความเหมาะสม ความดี ความเก่ง หากผลงานเท่ากันก็ให้ดูที่ความอาวุโส ซึ่งคุณสมบัติผู้บัญชาการทางบก นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีคุณสมบัติพิเศษ แต่อำนาจมีไว้ดูแลกองทัพและสนับสนุนรัฐบาลไม่ว่าจะรัฐบาลใดก็ตาม ซึ่งการแต่งตั้งทำงานอย่างเป็นระบบและมีขั้นตอนไม่ได้แบ่งแยกพรรคพวก
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ