ความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

23 สิงหาคม 2559, 21:27น.


สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างผลสำรวจของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (เอ็นเอบีอี)ของสหรัฐว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ร้อยละ 62 เชื่อว่าทิศทางที่ไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้เริ่มกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ระบุว่าความไม่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งระดับชาติเป็นตัวเหนี่ยวรั้งไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตเท่าที่ควร ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อีกร้อยละ 35 มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมากนัก



ก่อนหน้านี้หอการค้าสหรัฐฯระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตร้อยละ 1.2 ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ หลังขยายตัวร้อยละ 0.8 ในช่วงไตรมาสแรก นับเป็น 3 ไตรมาสติดต่อกันที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตน้อยกว่าร้อยละ 2 เมื่อถูกถามว่าผู้สมัครประธานาธิบดีคนใดของสหรัฐฯจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดในแง่ของการบริหารจัดการเศรษฐกิจสหรัฐฯ นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 55 เลือกนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ขณะที่ร้อยละ 15 เลือกนายแกรี จอห์นสัน ผู้สมัครอิสระ และร้อยละ 14 เลือกนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ผลสำรวจบ่งชี้ว่านักเศรษฐศาสตร์ระบุถึง 3 เรื่องเร่งด่วนที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯควรดำเนินการคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต การปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามและการปฏิรูประบบภาษี



ในเรื่องนโยบายการค้า ร้อยละ 65 ระบุว่านโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้รัฐบาลและสภาคองเกรสชุดต่อไปควรจะเปิดกว้างและเสรีมากขึ้น ขณะที่ร้อยละ 9 เห็นว่าควรจะมีนโยบายการค้าแบบปกป้องตลาดในประเทศ นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 60 คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันคือร้อยละ 0.25-0.5 ภายในปลายปีนี้/20.50น.



 

ข่าวทั้งหมด

X