สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) กำลังวางแผนลดการใช้เงินสดและเช็คในประเทศ ด้วยการผลักดันให้บรรดาธนาคารพาณิชย์หันไปใช้ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะแม้ว่าสิงคโปร์จะมีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนสูงมาก และมีระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่การใช้เงินสดและเช็คภายในประเทศยังมีสัดส่วนสูงมาก โดยในปีที่แล้ว การใช้เงินสดในสิงคโปร์คิดเป็นร้อยละ 8.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และมีการใช้เช็คโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.7 ใบ/คน ขณะที่กระบวนการจัดเก็บเงินสดและเช็คทำให้สิงคโปร์สูญเงินไปประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์/ปี ซึ่งเอ็มเอเอสต้องการลดรายจ่ายจำนวนนี้
โดยในการเปลี่ยนสู่การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เอ็มเอเอสและสมาคมธนาคารสิงคโปร์ร่วมกันพัฒนาระบบการทำธุรกรรมออนไลน์ส่วนกลางผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งใช้หมายเลขโทรศัพท์หรือเลขบัตรประจำตัวประชาชนแทนการใช้เลขบัญชีธนาคาร นายราวี เมนอน กรรมการผู้จัดการของ เอ็มเอเอส เปิดเผยด้วยว่า เอ็มเอเอสต้องการให้ธนาคารต่างๆ เปลี่ยนไปใช้ระบบใหม่ภายในปีหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และเพิ่มบทบาทสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับภูมิภาค
สิงคโปร์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมใช้ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับฟินแลนด์ สวีเดน สหรัฐ และอังกฤษ โดยธนาคารซิตี้แบงก์กรุ๊ป เปิดเผยเมื่อเดือนมิถุนายนว่า สิงคโปร์มีบริการทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนเป็นจำนวนมาก ทั้งบริการแอปเปิ้ลเพย์จากบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ และบริการการชำระเงินของบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์
..