*นานาชาติ เรียกร้องนายกฯ อิรัก ลาออกหลังกลุ่มติดอาวุธบุกยึดจุดยุทธศาสตร์*

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า มีเสียงเรียกร้องในทิศทางเดียวกันทั้งจากสหรัฐและโลกอาหรับว่า นายกรัฐมนตรีนูริ อัลมาลิกิ ของอิรักควรจะลาออก ถ้าหากยังจะสร้างความปรองดองแห่งชาติให้เกิดขึ้นในอิรัก ในขณะที่นักรบชาวสุหนี่กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรียหรือไอซิส เริ่มรุกคืบไปใกล้พื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงแบกแดดมากขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ รวมถึงนางไดแอนน์ เฟนสไตน์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาพูดชัดเจนว่า ช่วงเวลาแห่งการอยู่ในอำนาจของนายมาลิกิจะต้องสิ้นสุดลงในอนาคตอันใกล้ ระบุว่า สหรัฐเชื่อว่านายมาลิกิไม่ใช่ผู้นำที่สามารถจะสร้างเอกภาพในอิรัก พร้อมทั้งช่วยคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างชาวมุสลิมสุหนี่กับชีอะห์ เจ้าหน้าที่สหรัฐและทูตชาวอาหรับหลายคนระบุว่า ขณะนี้ทำเนียบขาวของสหรัฐและกลุ่มชาติอาหรับเริ่มมองไปที่เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะทำให้ชาวอิรักได้รัฐบาลที่มีตัวแทนจากประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงชาวสุหนี่ ชาวชีอะห์และชาวเคิร์ด ก่อนหน้านี้ นักรบชาวสุหนี่สามารถบุกยึดหลายเมืองทางภาคเหนือของอิรัก และรุกคืบไปใกล้กรุงแบกแดดอยู่ทุกขณะ โดยกองกำลังของรัฐบาลอิรักและกลุ่มติดอาวุธได้สู้รบเพื่อแย่งชิงการควบคุมโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในเมืองไบจิ ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือราว 225 กิโลเมตร ด้านพ.อ.อาลี อัล กูเรชิ ผู้บัญชาการของหน่วยทหารที่ปกป้องโรงกลั่นน้ำมัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิรักสามารถควบคุมสถานการณ์ที่โรงกลั่นนั้นได้ทั้งหมดแล้ว ระบุว่ากลุ่มติดอาวุธสูญเสียนักรบหลายสิบคน หลังถูกโจมตีจากหลายๆด้าน สำหรับโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวถือเป็นแหล่งยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรที่สำคัญแห่งหนึ่งของอิรักเนื่องจากระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของอิรักต้องพึ่งพาการผลิตน้ำมัน อิรักสามารถผลิตน้ำมันราว 3 ล้าน 3 แสนบาร์เรลส์ต่อวัน และเป็นแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่สุดอันดับ 4 ของโลก