+++ติดตามสภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง คาดว่า จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และปกคลุม อ่าวตังเกี๋ยในวันนี้ หลังจากนั้นจะเคลื่อนผ่านประเทศเวียดนามตอนบน และประเทศลาวตอนบนต่อไป ลักษณะเช่นนี้จะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งดังนี้ ในช่วงวันที่ 18-19 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ส่วนในช่วงวันที่ 19-20 ส.ค. ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากฝนที่ตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และชี้แจงประชาชนด้วยความเข้าใจง่าย เรื่องปริมาณน้ำ ระดับน้ำ และสถานการณ์ ทั่วไปที่ประชาชนควรต้องทราบ กรมชลประทาน และกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจะต้องชี้แจงประชาชนด้วยว่า หากมาตรการที่หน่วยราชการเตรียมช่วยเหลือ หากมาตรการที่หนึ่งใช้แล้วจะมีมาตรการที่สองและสามช่วยเหลืออย่างไรเพื่อให้ประชาชนลดความเดือดร้อน
+++นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือตอนบนว่าล่าสุดสถานการณ์ดีขึ้น จ. แพร่ ปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ระดับ 1.1 พันลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที น้อยกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ และมวลน้ำไหลลงมาสู่จ.สุโขทัย คืนวันที่19-20 ส.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำ(ดีเปรชั่น) จะเข้ามาภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักช่วงวันที่18-20 ส.ค. ดังนั้นช่วงระยะนี้ยังเฝ้าระวังต่อไปทุกจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเกิดน้ำท่วมต่อเนื่องเช่นลุ่มน้ำน่าน จ.น่าน ตัวเมืองน่าน และที่ลุ่มตลอดแนวลุ่มน้ำยม พะเยา แพร่ สุโขทัย เขตตัวเมืองเป็นพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ลุ่มต่ำเคยเกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ ตอนนี้เข้าสู่ฝนตกชุกมากปลายเดือน ส.ค จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.
+++นายสุเทพ กล่าวว่าจากฝนตกมากในภาคเหนือทำให้ปริมาณน้ำเข้าเขื่อนใหญ่เพิ่มขึ้นเช่น เขื่อนภูมิพล มีน้ำไหลเข้า10 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวัน มีน้ำใช้การได้ 695 ล้านลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 5 เขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำไหลเข้า 175 ล้านลบ.ม.ต่อวัน มีน้ำใช้การได้ 1,761 ล้านลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 19 เขื่อนแควน้อย มีน้ำไหลเข้า 3.78 ล้านลบ.ม.ต่อวัน มีน้ำใช้การได้330 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 35 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้ำไหลเข้า 5.69 ล้านลบ.ม.ต่อวัน มีน้ำใช้การได้269 ล้านลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 28 รวมน้ำใช้การได้ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณ 3 พันกว่าล้านลบ.ม. เขื่อนอุบลรัตน์ ดีขึ้นกว่าปี2558 ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ33แห่ง รวม 10,645 ล้านลบ.ม. ประมาณร้อยละ 15 ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้อย เทียบกับปีที่แล้ว น้อยกว่าประมาณ 100 ล้านลบ.ม.คาดว่าได้น้ำเพิ่มเติมอีกเพราะยังอยู่ในช่วงฤดูฝน
+++การติดตามเหตุระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ และระเบิดหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ จะใช้รูปแบบเดียวกันกับการเยียวยาความเสียหายของเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียก 6 กระทรวง ประชุมเพื่อหาทางในการเยียวยา นายกฯ สั่งการให้มีการบูรณาการการช่วยเหลือ มีนายวิษณุ เป็นประธานกรรมการ ทั้งนี้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่หากต่างคนต่างให้จะส่งผลโดยตรงหรือไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องเสริมมาตรการต่าง ๆ โดยเป็นไปตามกฎกติกา รับรองจะดูแลอย่างเต็มที่
+++พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจากเหตุระเบิดหลายจุดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 210 ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร เนื่องจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงพบความเชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบ โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวมีทั้งหมด 17 คน ถูกควบคุมตัวในมทบ.11 กรุงเทพฯ จำนวน 10 คน ส่วนที่เหลือเป็นผู้ที่เชื่อมโยงกับขบวนการที่ก่อเหตุในจ.ภูเก็ตอีก 7 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม ในวันนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะรวบพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลทหารพิจารณาออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยวันที่ 19 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทหารจะนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป
+++นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า จากการดูกำหนดการต่าง ๆ ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่กำหนดโรดแมป หากขั้นตอนการจัดทำกฎหมายลูกไม่มีปัญหาติดขัดใด ๆ คาดว่า การเลือกตั้ง ส.ส.สามารถมีขึ้นได้ในวันที่ 10 ธ.ค. 2560 ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรม นูญ และเป็นช่วงวันหยุดยาว ยังไม่ใช่มติ กกต. เป็นการทดลองเสนอวันที่เป็นไปได้ยังไม่ใช่วันจริง เพราะต้องรอให้ พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับมีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะสามารถกำหนดวันเลือกตั้งที่แท้จริงได้ แต่หากการร่างกฎหมายลูกมีความล่าช้าก็อาจไม่ใช่วันดังกล่าว
+++นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่1กล่าวถึงการหารือของสนช.ที่เตรียมไปชี้แจงกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในการบรรจุคำถามพ่วงลงไปในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญว่า มีบทเฉพาะกาลที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า หากขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการเลือกจากบัญชีของพรรคการเมือง ก็จะมีอีกขั้นตอนหนึ่งที่ให้สิทธิเสนอคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งขั้นตอนตรงนี้จะพิจารณาว่าควรจะเป็นขั้นตอนของใครบ้าง เนื่องจากในคำถามพ่วงไม่ได้พูดไว้ การประชุม สนช. ในวันนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุป และเข้าประชุมกับ กรธ. ในวันที่ 19 ส.ค. เวลา 14.00 น.
+++พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย (ซี 10) 19 ตำแหน่ง โดยมีการแต่งตั้ง นายประทีป กีรติเรขา รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) พระนครศรีอยุธยา เป็นรองปลัดกระทรวง นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ตรัง เป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย นายสนิท ขาวสอาด ผวจ.เพชรบุรี เป็นผู้ตรวจฯ ส่วนการต่ออายุราชการอธิบดี 2 กรมที่อยู่ในตำแหน่งเดิมครบ 4 ปี ออกไปอีก 1 ปีในตำแหน่งเดิม คือนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และนายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป
+++ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย กล่าวถึง การแต่งตั้งโยกย้ายว่า ไม่ได้เกี่ยวกับผลประชามติ การย้ายครั้งนี้เป็นการย้าย ในระนาบเดียวกันจากผวจ. เป็น ผวจ. หรือ ผู้ตรวจฯ แทนผู้ที่เกษียณอายุ ส่วนการย้ายผวจ.ตรังมาเป็นผู้ตรวจฯ ปลัดกระทรวงรายงานว่าเพื่อความเหมาะสม จะได้มีคนมาช่วยงานในกระทรวง การต่ออายุอธิบดี 2 กรมก็เพื่อสานงานที่ได้ทำไว้ต่อไป
+++ครม.แต่งตั้ง นางบุษยา มาทแล็ง จากตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม มาเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แทนนายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2559 โดยคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่จะไปทำหน้าที่เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมแทนนางบุษยา กระทรวงกำลังพิจารณาคัดเลือกบุคคล นางบุษยาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนมีความสามารถและความเหมาะสมทั้งในเรื่องของผลงานและความอาวุโส เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 3 ปีซึ่งเหมาะสมมากเพราะมีเวลาเพียงพอที่สามารถวางระบบงานบริหารราชการและดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องจนเกิดผล
+++ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดการฝึกอบรมกรุงเทพมหานคร รู้ทันภัยก่อการร้าย
+++ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกบดี ศรีสุระ อดีตพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ (สบ.3) และทีมทนายความ จะนำ 2 คดีดังเข้าร้องทุกข์ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน คดีที่1 นำ น.ส.ประภา วรรณใจกล้า (น้อง ก้อย) กับพ่อแม่ ,และนางสุกัลยา แม่น้องมีน จะยื่นหนังสือร้องทุกข์ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น กรณีที่นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ ได้แจ้งความ และคดีที่2 กรณีตำรวจต้องสงสัยอุ้มเด็กชายหายตัวไปลึกลับในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่คดีไม่คืบ หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าคดีมีมูล แต่มีผู้มีอิทธิพลทำให้คดีไม่มีการนำเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษ
CR: คุณชายยีนส์ /ห้องข่าวไลน์สรรสาระสุข,มูลนิธิกุศลศรัทธา สุราษฎร์ธานี