ความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์ หลังครบรอบ 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้เพียง 2 รายที่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของศาล คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู สัญชาติจีน และนายอาเด็ม คาราดัค สัญชาติตุรกี และยังเหลือลอยนวลอีก 15 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่หลบหนีออกนอกประเทศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานกระทรวงการต่างประเทศติดตามอยู่แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เช่นเดียวกับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับว่าเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ในส่วน2ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้ นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเด็ม เปิดเผยถึงความคืบหน้าทางคดีกับศูนย์ข่าวแปซิฟิคว่า ศาลทหารจะนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะสืบพยานโจทก์ไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณกลางปีหน้า จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการสืบพยานจำเลย จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยังไม่มีใครรับสารภาพ สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ระบุว่าถูกข่มขู่และถูกซ้อมระหว่างการคุมขังที่ กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 นายชูชาติ เปิดเผยว่า ในการทำงานของส่วนทนาย ได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลไปแล้ว โดยรายละเอียดในเรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ โดยประเด็นการถูกซ้อมทรมานนี้ แม้กรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าไม่ได้มีการซ้อมทรมานอย่างที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่องค์กรสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนจากต่างประเทศได้มีการจับตาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ คดีระเบิดแยกราชประสงค์ เกิดขึ้นในสมัยที่พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้น และมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ามีการจับผู้ต้องหาผิดตัว ซึ่งในประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีในชั้นศาล ที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าผู้ต้องหาที่จับกุมมาได้เป็นผู้กระทำผิดตัวจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าว: สมจิตร์ พูลสุข
แฟ้มภาพ