ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเหตุระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดภาคใต้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว เปิดเผยขณะนำชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ภาคใต้ติดตามความคืบหน้าของคดีว่า วันนี้ได้นำหลักฐาน เพื่อนำไปยื่นต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 41 จ.นครศรีธรรมราช ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเป็นชาย 1ราย ที่หลักฐานชัดว่าก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่10สิงหาคม โดยพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุ เมื่อนำไปตรวจเก็บสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ พบว่าตรงกับผู้ต้องหาที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2547 จึงขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายนี้ เพื่อสืบสวนติดตามตัวต่อไปโดยประสานทุกช่องทางที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นไปได้ว่าผู้ต้องหารายนี้จะหลบหนี จากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้คือกุญแจสำคัญที่จะสาวถึงเครือข่ายรายอื่นๆได้
สำหรับกรณีของนายศักรินทร์ คฤหัส อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ พล.ต.อ. ศรีวราห์ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธร จ. นครศรีธรรมราช ออกหมายจับไปตามหลักฐานที่ปรากฎในตอนแรก เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และขณะนี้อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ตามมาตรา 44 โดยหากทหารคุมตัวครบ 7วัน ก็จะส่งตัวให้ตำรวจ ถึงตอนนั้นพนักงานสอบสวนจะพิจารณา ซึ่งอาจให้ประกันตัว เพื่อปล่อยตัวชั่วคราวก็ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการทำสำนวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีกับใครก็ตามจะทำตามพยานหลักฐานที่ต้องชัดเจน เป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้ง โดยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากรายใดที่พบว่าไม่มีความผิด ไม่มีหลักฐานตามที่ตั้งข้อหาในตอนแรก ก็สามารถสั่งไม่ฟ้องในภายหลังได้
พล.ต.อ. ศรีวราห์ ยังได้กล่าวยืนยันอีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัดรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ ในหลายจุด ได้พยานหลักฐานมากพอที่จะขออนุมัติหมายจับ แต่ได้สั่งการกำชับไปว่าต้องรอบคอบรัดกุมที่สุด เพื่อจะสามารถขยายผลไปยังเครือข่าย และโยงไปถึงผู้สั่งการให้ได้ ดังนั้นการจะออกหมายจับแต่ละรายต้องรัดกุมที่สุด โดยทุกคดีที่เกิดขึ้น จะส่งดำเนินคดีต่อศาลทหาร ซึ่งวันที่ 15สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว