ในการประชุมติดตามสถานการณ์และการดำเนินคดีผู้กระทำความผิด ในเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดในภาคใต้ ระหว่างวันที่ 11-12 สิงหาคมที่ผ่านมา
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนท์กับทุกหน่วยของตำรวจ และเปิดเผยว่า พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้เน้นย้ำเรื่องการเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ต่าง ๆ ซึ่งในช่วง 24 ชัวโมงที่ผ่านมา สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ด้านการข่าวก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีสิ่งใดๆ เกิดขึ้น แต่ยังคงกำลังตามจุดตรวจความมั่นคงและจุดตรวจปกติ รวมถึงจุดตรวจเพิ่มเติมเช่นเดิม พร้อมขอให้ประชาชนมีความมั่นใจการทำงานของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยในการที่มีการแจ้งเบาะแสต่าง ๆ เข้ามานั้น ทางตำรวจก็มีการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งแล้ว นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำเรื่องการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่จะต้องอยู่ในสภาพใช้งานได้ทุกจุด ทั้งพื้นที่ล่อแหลม และพื้นที่เอกชนทั่วไป โดยวันนี้จะมีการตรวจสอบสภาพการใช้งานทั้งหมดอีกครั้ง
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนพยาน และตรวจสอบหลักฐาน ขณะนี้ทางพื้นที่เกิดเหตุนำส่งวัตถุพยานทุกชิ้น มาตรวจสอบแล้ว รวมถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอ ที่อยู่ระหว่างการเทียบเคียงกับวัตถุพยานที่เคยเก็บไว้ในพื้นที่ 3 จังหวัดขายแดนภาคใต้ ตามที่มีข้อสันนิษฐาน ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ โดยในเบื้องต้นนี้ พบว่าการก่อเหตุในส่วนของ 7 จังหวัดทุกจุดมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน และ มีการสั่งการจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งแน่นอน
ส่วนการเชิญตัวบุคคลเข้ามาให้ปากคำ และมีการกล่าวว่า เป็นผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากไม่มีความเกี่ยวข้องก็อย่าเป็นกังวล และขอให้พูดความจริง ซึ่งจากการสอบปากคำพยานหลายคน ต่างให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งจะนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยต่อไป โดยยืนยันว่า จะไม่เร่งรัดดำเนินการ และจะไม่มีการจับแพะ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งให้ทำตามกฎหมายและทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่เร่งรัดในกระบวนการสืบสวนแต่จะเร่งรัดในกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และตำรวจก็ต้องการเปิดโปงขบวนการนี้
ส่วนกรณีการออกหมายจับ นายศักรินทร์ คฤหัส ผู้ต้องหาลอบวางเพลิงห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวสอบสวนภายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 หากพบว่ามีหลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับเหตุระเบิด พนักงานสอบสวนสามารถขอให้ศาลทหารอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมได้
ส่วนตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งรางวัลนำจับ 2 แสนบาท สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
พล.ต.อ.พงศพัศ ยังเชื่อว่า ผู้กระทำผิดยังอยู่ในประเทศ เพราะทางด่านตรวจคนเข้าเมืองยังไม่พบความผิดปกติ และยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับผู้กระทำความผิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนการประสานกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โปลเพื่อให้ข้อมูลบุคคลอันตรายนั้น มีการประสานกันอย่างต่อเนื่อง และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำซิมการ์ดการลงทะเบียนชาวต่างชาติที่พบในจุดเกิดเหตุวางเพลิงไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ เพราะห้องทดลองของไทยก็สามารถตรวจสอบได้
..
ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี