ยูเครนพร้อมตอบโต้รัสเซีย/อาเซียน ตั้งเป้าปลอดหมอกควันไฟป่า 2563/น้ำมัน-หุ้นสหรัฐฯพุ่งขึ้น

+++รัฐบาลรัสเซีย ระบุในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สั่งการให้มีการเพิ่มมาตรการดูแลความมั่นคงบนอ่าวไครเมีย อาณาเขตทางภาคใต้ของยูเครนที่ถูกผนวกเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อปี 2557 โดยผู้นำรัสเซีย กล่าวหากองกำลังรัฐบาลยูเครนว่าพยายามจะรุกล้ำเข้าไปยังดินแดนพิพาท ในการประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซียในวันนี้ ผู้นำรัสเซียได้หารือเรื่องมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการรับประกันความปลอดภัยให้กับพลเรือนและสาธารณูปโภคสำคัญๆบนอ่าวไครเมีย ทั้งนี้ ระหว่างที่รัสเซียไม่ให้ยูเครนเข้าไปในพื้นที่มีการปะทะกันทำให้มีทหารรัสเซียเสียชีวิต2 นาย ทำให้รัสเซียแสดงความไม่พอใจอย่างมาก

+++ด้านประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน สั่งทหารที่ประจำการอยู่ที่หน่วยใกล้คาบสมุทรไครเมีย และในเขคดอนบาสทางภาคตะวันออก ให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมขั้นสูง หลังความบาดหมางกับรัสเซียลุกลาม ความตึงเครียดเพิ่มระดับขึ้น หลังจากประธานาธิบดีปูติน  กล่าวหายูเครนว่า พยายามใช้กำลังทหารบุกรุกเข้าสู่คาบสมุทรไครเมีย และกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่

+++นายโทมัส เดอ เมซิแอร์ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของเยอรมนี กล่าวว่า พลเมืองเยอรมันที่ถือ 2 สัญชาติจะถูกเพิกถอนสัญชาติเยอรมัน ถ้าหากพวกเขาไปร่วมการสู้รบกับกลุ่มนักรบอิสลามในต่างแดน ภายใต้มาตรการปราบปรามก่อการร้ายฉบับใหม่ พร้อมทั้งเร่งเนรเทศชาวต่างชาติที่ทำความผิดอาญาออกนอกประเทศให้เร็วขึ้น รัฐบาลจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เครื่องมือและอำนาจการสอดส่องดูแลความปลอดภัย นอกจากนี้ กำหนดให้การส่งเสริมการก่อการร้ายเป็นเรื่องที่มีความผิดทางอาญา

+++สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างหน่วยงานท้องถิ่นว่า มีคนเสียชีวิต 21 ศพและบาดเจ็บ 5 คน ในจำนวนนี้สาหัส 3 คนหลังท่อไอน้ำแรงดันสูงเส้นหนึ่งระเบิดขึ้นในโรงไฟฟ้าของบริษัทเมเดียน แกง พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น ในเมืองดันหยาง มณฑลหูเป่ยทางภาคกลางของประเทศ เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.20 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล สำหรับเรื่องสาเหตุที่ท่อไอน้ำแรงดันสูงระเบิด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแน่ชัดและอยู่ระหว่างการสอบสวน ทีมกู้ภัยอยู่ระหว่างการทำงานในจุดเกิดเหตุ แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามปรับปรุงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของโรงงานอุตสาหกรรม แต่อุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตก็เกิดขึ้นเป็นประจำ

+++ความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงในโปรตุเกสและทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากแผลไฟไหม้และการสูดดมควันไฟอีกกว่า 300 คน ไฟป่าในเมืองมาร์แซย์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เผาผลาญบ้านเรือนไปราว 20-25 หลัง กินพื้นที่อย่างน้อย 16,875 ไร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สามารถควบคุมเพลิงในส่วนพื้นที่อุตสาหกรรมรอบนอกเมืองซึ่งเป็นคลังน้ำมันและสารเคมีได้แล้ว ด้านสนามบินได้ระงับเที่ยวบินขาเข้าเพื่อเปิดทางให้แก่เครื่องบินที่ร่วมในปฏิบัติการควบคุมเพลิง มีการอพยพประชาชนกว่า 1,000 คน ในเมืองวีทรอลและเมืองเพนส์-มิราโบ และสร้างแนวกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปยังเขตที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือของเมืองมาร์แซย์

+++สถานการณ์ไฟป่าทั้งสองประเทศลุกลามหนัก เนื่องจากกระแสลมแรงและสภาพอากาศแห้งแล้ง ที่โปรตุเกส นับไฟป่าได้ 186 จุด ในจำนวนนี้มีจุดสำคัญ 14 แห่งที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ทางการได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 4,500 คน ลงไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยเครื่องบินดับเพลิง 28 ลำ และรถดับเพลิงอีก 1,300 คัน โดยได้มีการร้องขอความช่วยเหลือไปยังสหภาพยุโรป (อียู) แล้ว ด้านสถานการณ์บนเกาะมาเดราซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโปรตุเกส มีคำสั่งอพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน มีรายงานผู้สูญหาย 1 คน และมีบ้านเรือนและโรงแรมหรูถูกไฟเผาทำลายอย่างน้อย 37 หลัง

+++การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมกลุ่มอาเซียน สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย ที่ประชุมตกลงในแผนการต่อสู้หมอกควันเป็นกรด จากไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย ที่ลอยแผ่ปกคลุมพื้นที่ในวงกว้างของภูมิภาค ในแต่ละปี นายวาน จูไนดี ตวนกู จาฟาร์ รมต.สิ่งแวดล้อมมาเลเซีย กล่าวว่า ภายใต้แผนโรดแมป กลุ่มชาติสมาชิกอาเซียนจะต้องดำเนินมาตรการและปฏิบัติการในการต่อสู้ไฟป่า แต่หนึ่งในสิ่งท้าทายคือ เจ้าของที่ดินรายย่อยในอินโดนีเซีย จะได้รับอนุญาตให้ใช้ไฟแผ้วถางป่า เพื่อเตรียมผืนดินเพาะปลูกได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียจะต้องเจรจรากับเกษตรกรกลุ่มนี้ เพื่อให้เลิกเผาป่า

+++ที่ประชุมตั้งเป้าหมายสุดท้าย ให้อาเซียนปลอดจากหมอกควันไฟป่าภายในปี พ.ศ. 2563 กลุ่มนักสังเกตการณ์ตั้งข้อสงสัยต่อตความตกลงเนื่องจากรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมกำหนด 1 วันในครั้งนี้ด้วย นายกูร์มิต ซิงห์ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชื่อดังของมาเลเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียไม่เต็มใจจะให้ความร่วมมือเช่นเคยประเด็นหมอกควันไฟป่าในอินโดนีเซีย มีสาเหตุจากการทุจริตคอร์รัปชัน เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิด และเช่นเคยที่ไม่มีอะไรชัดเจนจากการประชุมของอาเซียน

+++กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นกับอียิปต์ ที่กรุงไคโร เพื่อให้อียิปต์กู้เงินจำนวน 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (4 แสน16,820 ล้านบาท) ในระยะ 3 ปี หวังว่าเงินทุนจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ ในประเทศประชากรมากที่สุดของโลกอาหรับ อียิปต์กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนเงินดอลลาร์สหรัฐ และทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศกำลังลดลง และสร้างงานหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ไอเอ็มเอฟตกลงปล่อยเงินกู้คือ อียิปต์ต้องดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจ

+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า ที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของโอเปกที่กำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า ผู้ผลิตจะหารือกันถึงแนวทางปฏิบัติที่เป็นไปได้สำหรับการสร้างสมดุลในตลาดน้ำมัน

+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของห้างสรรพสินค้าเมซีย์สและโคลส์ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 117.86 จุด ปิดที่ 18,613.52 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.30 จุด ปิดที่ 2,185.79 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 23.81 จุด ปิดที่ 5,228.40 จุด หุ้นของเมซีย์ ทะยานถึงร้อยละ 18 เป็นวันที่ดีที่สุดของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ในรอบเกือบ 8 ปี หลังรายงานยอดขายเทียบตามสาขาเดิมลดลงน้อยกว่าที่คาดหมายไว้และเปิดเผยว่า จะปิดสาขา 100 แห่ง

+++การปรับขึ้นของราคาน้ำมันและตลาดหุ้น ประกอบกับดอลลาร์ที่แข็งค่า ฉุดให้ทองคำ ปิดลบเล็กน้อย โดยตลาดทองคำโคเม็กซ์ ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,350.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

CR:TheTelegraph