ทนายหลวงพี่แป๊ะ ยืนยันที่มารถหรูสมเด็จช่วงถูกต้องพร้อมเปิดเอกสาร

ความคืบหน้าคดีรถหรู ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ครองครอง 

นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความส่วนตัวของพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้นำหลักฐานการโอนเงิน พร้อมเปิดเผยกรณีการได้มาของรถยนต์เบนซ์ 300 ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ว่า หลวงพี่แป๊ะได้ซื้อรถเบนซ์คันดังกล่าวมาจากนายวิชาญ รัษฐปานะ ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ประกอบรถ ในราคาเหมารวมทุกอย่างทั้งภาษีค่าธรรมเนียมการโอนในราคา 4ล้านบาทโดยจ่ายเงินให้นายวิชาญครบทั้งหมดแล้ว กรณีที่นายวิชาญ อ้างว่าไม่ได้ขายรถ แต่รับจ้างซ่อมในราคา 1ล้าน5แสนบาท ทนายความ ชี้แจงว่าจากการตรวจสอบแหล่งที่มาของรถยนต์คันดังกล่าวพบว่านายวิชาญได้ซื้ออุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากนายเกษมศักดิ์ ภวังคนันท์ หรืออ๊อด ซึ่งรู้จักและซื้อขาย ชิ้นส่วนรถยนต์กันมาหลายครั้ง และได้มอบให้ภรรยาของนายวิชาญ โอนเงินค่าซื้อของให้กับนายอ๊อดสองครั้งเป็นเงิน1,075,000 บาท แล้ว

ทั้งนี้ ทนายความได้ตั้งข้อสังเกตว่าการที่กรมการขนส่งทางบก ประเมินราคารถยนต์ที่ขอจดทะเบียนใหม่ในราคาหนึ่งล้านบาทของหลวงพี่แป๊ะ มีการตรวจสอบหลักฐานและรายละเอียดถึงที่มาของรถอย่างครบถ้วน ก่อนที่จะอนุมัติให้จดทะเบียนรถคันนี้อย่างถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ส่วนที่มีการระบุว่ารถยนต์คันนี้เป็นของสมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ทนายแจ้งว่ามีเพียงทะเบียนรถที่เป็นของสมเด็จช่วงเท่านั้น เนื่องจาก ต้องการให้รถคันนี้มีความเป็นศิริมงคล ขณะที่นายอ๊อด ได้เดินทางมาชี้แจงถึงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมนำภาพถ่ายโครงรถยนต์คันดังกล่าวมายืนยันกับสื่อมวลชน ว่าได้ขายให้กับนายวิชาญจริงในราคาหนึ่งล้านบาท โดยแยกการนำเข้าเป็นโครงรถและตัวเครื่อง ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ ได้เสียภาษีการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมายแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่าย หลวงพี่แป๊ะ พร้อมทนายความได้ เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาครอบครองรถยนต์โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527 แต่ยังไม่ได้ให้การใดๆกับพนักงานสอบสวน

ผู้สื่อข่าว : พนิตา สืบสมุทร