กกต.ยอมรับคนใช้สิทธิประชามติน้อย 55% ต่างจากเลือกตั้ง

การแถลงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เปิดเผยว่า การแถลงผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลา 19.00 น. ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งประเทศ ยอด ณ วันที่ 2 ส.ค. 2559 จากสำนักทะเบียนราษฎร์ อยู่ที่ 50.26 ล้านคน โดยผลรวมทั้งประเทศ ผลรวมทั้งประเทศ ณ เวลา 19.34 น. นับคะแนนแล้วร้อยละ 94 ซึ่งเป็นจำนวนที่ กกต. ยุติการแสดงผลนับคะแนนในวันนี้ จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ 27,623,126 คน แบ่งออกเป็นบัตรดี 26,688,729 บัตรเสีย 869,043

เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 61.40จำนวน 15,562,027 คน ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ38.60 จำนวน 9,784,680 คน เห็นชอบคำถามพ่วง ร้อยละ 58.11 จำนวน 13,969,594 คน ไม่เห็นชอบคำถามพ่วง ร้อยละ 41.89 จำนวน 10,070,599 คน โดยผู้มาใช้สิทธิออกเสียงครั้งนี้ เพียงร้อยละ 55 ซึ่งต่ำกว่าปี 2550 และต่ำกว่าความคาดหมายของ กกต. โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด เป็นผู้ที่มาใช้สิทธิค่อนข้างน้อย กกต. จะรายงานอีกครั้งว่าแต่ละจังหวัดมีผู้ใช้สิทธิเท่าไร ขณะที่ความตื่นตัวของประชาชน ในการออกเสียงประชามติ ไม่เหมือนการเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งมีนักการเมืองเข้ามาใกล้ชิดประชาชน รวมถึงมีผลประโยชน์มากกว่าการออกเสียงประชามติ และผู้ใช้สิทธินอกเขตจังหวัด จะต้องมีการจดทะเบียนใหม่ทุกครั้ง อาจจะไม่ทราบหรือจดไม่ทัน จึงไม่สามารถใช้สิทได้ อีกทั้งไม่มีวันหยุดยาวพอที่จะกลับไปใช้สิทธิได้ทัน

สำหรับการออกเสียงประชามติครั้งนี้ กกต.คาดว่า มีบัตรเสียไม่เกิน ร้อยละ 3  ที่อาจมาจากการฉีกบัตร หรือเขียนข้อความในบัตร ส่วนการนับคะแนน แบ่งเป็นบัตรดี คือ บัตรที่กากบาทครบ 2 คำถาม บัตรดีบางส่วน คือ กาคำถามใดคำถามหนึ่ง บัตรเสีย คือไม่ทำเครื่องหมายอะไรเลย หรือทำเครื่องหมายนอกเหนือจากเครื่องหมายกากบาท หรือมีสัญลักษณ์หรือข้อความในบัตร ด้านสาเหตุที่มีคนออกมาใช้สิทธิน้อย จะต้องกลับไปวิเคราะห์สาเหตุก่อน ว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาอย่างไร ขณะที่ปัญหาความวุ่นวาย ในการนับคะแนน ยังไม่มีรายงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร,เกตุกนก ครองคุ้ม