ยิ่งลักษณ์ขอความเป็นธรรมเรียกค่าเสียหายกว่า2แสนล้านจากโครงรับจำนำข้าว

การไต่สวนพยานจำเลยครั้งแรกในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบโครงการรับจำนำข้าว ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันนี้เป็นการไต่สวนเป็นพยานจำเลยปากแรก ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะแถลงเปิดคดีด้วยวาจา 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มไต่สวนพยาน และตอบคำถามการซักค้านของอัยการโจทก์ซึ่งเตรียมคำถามไว้กว่า 100 คำถาม ซึ่งในวันนี้จะไต่สวนทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย

น.ส. ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้จะทำตามสิทธิของตัวเองให้เต็มที่ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิในภายหลัง ส่วนที่มีการระบุตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว กว่า 2.8 แสนล้านบาท ที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปมาเบื้องต้นนั้น น.ส. ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า ความเสียหายทางแพ่งตามหลัก ต้องประเมินทางคดีอาญาให้เสร็จสิ้นก่อน โดยภายหลังตัวเองได้ตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารที่ได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการ ไม่ได้ถูกดำเนินการตามที่ร้องขอใดๆ เลย การดำเนินการความรับผิดทางละเมิดไม่ได้กลับนำมาพิจารณาใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นในข้อกฎหมาย หรือเนื้อหาสาระต่างๆ ส่วนตัวได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งในตอนนั้นตัวเองได้พ้นจากภารกิจ หลังจากปฏิวัติแล้ว จึงไม่ได้ดูแลรับผิดชอบ และไม่สามารถควบคุมได้ จึงขอความเป็นธรรมในส่วนนี้ด้วย ทั้งนี้ขอยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่มีประโยชน์

ส่วนอีก 2 วัน จะถึงวันลงประชามติ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ไปใช้สิทธิ โดยระบุว่าการลงประชามติครั้งนี้จะต่างจากการลงคะแนนครั้งอื่นๆ โดยมองว่าครั้งอื่นจะไม่ใช้สิทธิก็ได้ แต่ครั้งนี้จะนับเฉพาะคนที่มาลงคะแนนเท่านั้น ที่จะเลือกอนาคตประเทศว่าอยากให้ประเทศเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนทำอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อผลออกมา จะได้ไม่เสียใจ เพราะถือว่าได้ทำตามเจตนารมณ์แล้ว และวันที่ 7 ส.ค. นี้ อยากจะให้พี่น้องประชาชนสละเวลา สละไปใช้สิทธิของตนเองในการลงประชามติ

ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หาผ่านการลงประชามติ จะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น น.ส. ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ไม่สามารถก้าวล่วง หรือวิจารณ์อะไรได้ ต้องรอผลการออกเสียงประชามติก่อน ซึ่งผลการออกเสียงประชามติจะสะท้อนความคิดส่วนใหญ่ของคนภายในประเทศ ที่จะเลือกอนาคตประประเทศจริงๆ จึงไม่อยากให้คนมาใช้สิทธิน้อย เพราะเสียงอาจจะไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ ทั้งนี้อยากฝากถึงผู้ที่จัดการเลือกตั้ง จะต้องมีความโปร่ง เพราะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจ ไม่เคลือบแคลงใจ เพราะไม่ใช่แค่การลงคะแนน แต่เป็นการกำหนดอนาคตประเทศ