ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.
+++โค้งสุดท้ายก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความ "อย่าเพิ่งกลัวผีที่ยังมองไม่เห็นตัวในการทำประชามติ แต่ให้กลัวผีที่หลอกหลอนมาก่อนหน้า" ขอคนไทยช่วยกันร่ายคาถาป้องกันผี "การมีความเข้าใจ ร่วมมือ และก้าวเดินไปพร้อมกัน เพื่อก้าวสู่การปฏิรูปประเทศต่อไป”
++++พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สถานทูต 4 ประเทศ ออกประกาศเตือนประชาชนของตนที่อาศัยอยู่หรือจะเดินทางมายังประเทศไทยในวันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค.59 นี้ ว่า รัฐบาลรู้สึกแปลกใจกับประกาศเตือนดังกล่าว เพราะไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงและอาจเป็นการสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม เกิดความไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย ยืนยันและให้ความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนคนไทยและต่างประเทศ ว่า ในวันลงประชามติทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ คงไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดถืออาวุธเดินเข้าไปขู่เข็ญหรือบังคับประชาชนให้เกิดภาพที่เหมาะสม แต่จะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เพื่อให้การลงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
+++ด้านนายทักษิณ ชินวัตร ได้ส่ง ส่งอีเมลคำแถลงถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะให้ประชาชนชาวไทยลงประชามติ ว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ “งี่เง่าไร้ประโยชน์” (folly) ซึ่งจะทำให้คณะทหารสามารถกุมอำนาจต่อไปอย่างถาวร และทำให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งในอนาคตไม่สามารถที่จะปกครองประเทศได้ นายทักษิณ บอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะให้อำนาจมากมายไปอยู่ในกำมือขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีภารกิจในการเป็นตัวถ่วงดุลรัฐบาล จนกระทั่งทำให้ไม่สามารถที่จะปกครองประเทศได้
+++นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และเมียนมา ออกประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังความปลอดภัยในวันประชามติ 7 สิงหาคมนี้ ว่า การออกประกาศเตือนดังกล่าวไม่ได้เป็นการยกระดับคำเตือนในเรื่องความปลอดภัยในประเทศไทย แต่ในภาพรวมแล้วเป็นการให้ข้อมูลในวันจัดทำประชามติ เพื่อให้พลเมืองของแต่ละประเทศหลีกเลี่ยงจุดต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดการชุมนุมได้“กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่าในทางการข่าว ขณะนี้ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือความรุนแรงเกิดขึ้น ล่าสุดรัฐบาลได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในไทยทุกแห่ง ชาวต่างชาติที่พำนักและนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อประเทศไทย
+++พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ที่จะมีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยออกเสียงประชามติรวม 8,000 นาย พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็วทั้งในและนอกเครื่องแบบ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจละ 10 นาย สำหรับเผชิญเหตุได้อย่างทันท่วงที และตำรวจจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางใช้สิทธิ ยืนยันยังไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวผิดปกติใดๆ
+++ส่วนวันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่างทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลยปากแรก คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่ นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า5แสนล้านบาทนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่5สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขึ้นแถลงเปิดคดีด้วยตนเอง เราได้ขอเวลาศาลฎีกาฯในการแถลงคดีไว้ราว1ชั่วโมง จากนั้นจะเป็นการตอบคำถามอัยการโจทก์ ได้เตรียมคำถามไว้100กว่าคำถาม แต่ไม่ทราบว่าศาลจะอนุญาตให้ถามได้กี่คำถาม หากดูจากคำถามที่มีปริมาณมากในการไต่สวนจำเลยในวันที่ 5 สิงหาคม อาจจะต้องไต่สวนพยานทั้งช่วงเช้าและบ่าย ส่วนจะเสร็จในวันเดียวหรือไม่นั้น ต้องดูสถานการณ์ก่อน
+++ด้านศาลฎีกาฯได้เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารศาลฎีกาฯอย่างเข้มงวดเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยมีการจัดวางกองกำลังเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย และนำเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย ทั้งตรวจค้นผู้จะเข้าไปในห้องพิจารณาคดีอย่างละเอียด ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกาฯนั้นจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงที่จะต้องประเมินสถานการณ์ ว่าจะมีการเตรียมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่มาประจำการแค่ไหน คาดว่าจะมีผู้มาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดยการเข้าฟังการไต่สวนพยานจำเลยในห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯนักการเมือง จะต้องแลกบัตรประชาชน ในห้องพิจารณาจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้เข้าฟังได้ประมาณ120คน และเปิดให้มีการแลกบัตรเวลา 08.30 น.
+++ริโอเกมส์ เชียร์นักกีฬาไทยประเดิมชิงเหรียญริโอเกมส์ จะเปิดการแข่งขันในวันที่ 5 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น แต่จะตรงกับเวลาในประเทศไทย พรุ่งนี้ 06.00 น. การแสดงชุดแรกเริ่มด้วยความเป็นมาของชาวบราซิลในอดีตจนกลายมาเป็นดินแดนแห่งนี้ ต่อด้วยการแสดงเกี่ยวกับป่าอเมซอน ไฮไลต์ที่จีเซล บุนด์เชน นางแบบค่าตัวสูงที่สุด ในโลกชาวบราซิล ภรรยาของทอม เบรดี้ นักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังของทีมนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ มาร่วมแสดงในพิธีเปิด สำหรับผู้จุดคบเพลิงพิธีเปิด เจ้าภาพยังคงปิดเป็นความลับสุดยอด แม้จะมีรายงานข่าวว่า เปเล่ ตำนานลูกหนังโลก ได้รับการคาดการณ์ว่าจะรับหน้าที่ดังกล่าว แต่ยังไม่มีการยืนยันใดๆ
+++ด้านทัพนักกีฬาไทยจะเข้าสนาม เป็นลำดับที่ 183 จาก 206 ชาติ เดิมเจ้าภาพกำหนดให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าพิธีได้รวม 28 คน ก่อนจะเปิดกว้างให้เจ้าหน้าที่ร่วมขบวนได้ 28 คน ส่วนนักกีฬาเข้าได้ไม่จำกัดจำนวน ทำให้นักกีฬาไทยทั้งหมด 54 คน มีเพียงมวยสากลสมัครเล่น 5 คน ยกน้ำหนัก 9 คน และนักกีฬาบางส่วนที่ไม่ขอเข้าร่วมพิธีเปิด เนื่องจากเกรงกระทบกับการแข่งขันที่กระชั้นชิดกับพิธีเปิด ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) เริ่มตั้งแต่เวลา 05.50 น.เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 6 ส.ค. ตามเวลาประเทศไทย ทางช่อง 3 และช่อง 11 ทัพนักกีฬาไทยมีคิวประเดิมชิงเหรียญทองวันแรก จากยกน้ำหนัก รุ่น 48 ก.ก.หญิง "แนน"โสภิตา ธนสาร จอมพลังสาววัย 22 ปี จากชุมพร ว่ายน้ำ จาก ฉลามต่อ"รดมยศ มาตเจือ จะลงว่ายรอบคัดเลือกประเภทกบ 100 เมตรชาย ช่วงเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาไทย 23.00 น. หากผ่านมาได้จะลงว่ายรอบรองชนะเลิศในวันเดียวกัน ตรงกับเวลาไทย 08.00 น. เช้าวันที่ 7 ส.ค. ขณะที่รอบชิงชนะเลิศจะตรงกับเวลาไทย 08.00 น. เช้าวันที่ 8 ส.ค.
+++สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานความโกลาหลระหว่างการวิ่งคบเพลิงริโอเกมส์ จังหวะที่จะส่งคบเพลิงต่อให้กับนาย เอดูวาโด ปาเยส นายกเทศมนตรีนครริโอ เดอ จาเนโร มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนพยายามต่อต้าน เนื่องจากไม่พอใจกับงบประมาณมหาศาลที่ทางการบราซิลใช้ไปในการเป็น เจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาครั้งนี้ ตำรวจปราบจลาจลต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ ด้วยการยิงกระสุนแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สร้างความตื่นตกใจแก่ผู้คนที่มาเฝ้ารอชมขบวนแห่คบเพลิง ตำรวจแจ้งว่าจำเป็นต้องเข้าแทรกแซง เนื่องจากผู้ชุมนุมไม่ยอมเปิดทางให้ขบวนคบเพลิงผ่านไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้า ความวุ่นวายครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยในบราซิล รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง นับจากประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงของบราซิล ถูกระงับการดำรงตำแหน่งเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาถอดถอน โดยวุฒิสภามีกำหนดจะลงคะแนนตัดสินชะตากรรมในวันที่ 9 ส.ค.นี้ จากสภาวะดังกล่าวทำให้ผู้คนในบราซิลจำนวนมากไม่มีจิตใจจะฉลองการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก แม้แต่บัตรเข้าชมการแข่งขันกีฬายังเหลือมากกว่า 1 ล้านใบ