บีบีซี รายงานอ้างนายอิบราฮิม ซูฟเฟียน นักวิเคราะห์การเมืองมาเลเซียว่า กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของมาเลเซียซึ่งเริ่มใช้บังคับในวันนี้ ให้นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้หลายฝ่ายรู้สึกเป็นกังวลว่าอาจจะกระทบต่อสิทธิ์ของประชาชนและทำลายระบอบประชาธิปไตย เขากล่าวว่าหลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวลว่า รัฐบาลอาจจะใช้กฎหมายใหม่และกฎหมายอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายกันนี้เพื่อปราบปรามกลุ่มผู้มีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างจากฝ่ายรัฐบาล ก่อนหน้านี้ รัฐสภาได้ลงมติผ่านร่างกฏหมายนี้เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน
ที่สำคัญคือ กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับในช่วงที่ผู้นำมาเลเซียเผชิญกับคำถามมากมายจากสาธารณชน โดยเฉพาะเรื่องความเกี่ยวพันกับกรณีทุจริตเอื้อฉาวของกองทุนเพื่อการพัฒนาประเทศมาเลเซียคือ 1เอ็มดีบี ให้อำนาจแก่สภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก เป็นประธาน สามารถจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทุกพื้นที่ที่เห็นว่ามีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีอำนาจเพิ่มขึ้น หากผู้นำมาเลเซียประกาศให้ท้องถิ่นใดเป็นที่พื้นที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีอำนาจจับกุม ยึดหรืออายัดทรัพย์สินและการใช้กำลังเข้าปฏิบัติการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยโดยได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกัน ผู้ต้องเสียหายไม่สามารถจะฟ้องร้องเอาผิดได้ทั้งในทางแพ่งและอาญา
ด้านนายนาจิบ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีความจำเป็นเนื่องจากมาเลเซียประสบกับภัยก่อการร้ายที่มากขึ้นจากเครือข่าวนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม แต่สหประชาชาติ(ยูเอ็น)เตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กฎหมายนี้อาจจะส่งเสริมให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำกัดสิทธิ์เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ด้านองค์การนิโทษกรรมสากล องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ เตือนว่ารัฐบาลมาเลเซียอาจจะใช้กฎหมายนี้ไปในทางที่มิชอบ
ทีมต่างประเทศ
แฟ้มภาพ