ดีเอสไอ รอประเมินภาษีรถหรู พร้อมออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม

01 สิงหาคม 2559, 11:29น.


ความคืบหน้าการสอบสวนและดำเนินคดี กรณีที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีชื่อเป็นผู้ครอบครองและผู้เกี่ยวข้องกับการนำเข้ารถหรูจดประกอบ พ.ต.ท.ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิต อยู่ระหว่างการประเมินภาษีที่ขาดไป และจะส่งเรื่องกลับมาที่ดีเอสไอเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ



ส่วนกรณีรถหรูของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐมนั้น พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการทางคดี โดยกลุ่มผู้นำเข้านั้นยังมีตัวตน สามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหายได้ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ดีเอสไอยังมีการตรวจสอบรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าราคาสูงตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป (รถหรู) อีกจำนวน 548 คัน และส่งให้กรมศุลกากรพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตามมาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 กรมศุลกากร และแจ้งมูลค่าภาษีรถยนต์ที่ต้องเรียกเก็บเพิ่ม จำนวน 8 คัน รวมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท


หลังจากนี้ ดีเอสไอ จะประสานให้กรมศุลกากร เรียกเก็บภาษีที่ขาดจากผู้นำเข้ารถยนต์ ซึ่งผู้นำเข้ามีความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ฐานร่วมกันหลีกเลี่ยงอากร มีโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของภาษีที่ขาดหรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ


สำหรับผู้นำเข้ารถยนต์ที่ผิดกฎหมาย ได้แก่ บริษัท สบายใจจดประกอบ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.โพธิ์ทอง บริษัท เอส.อาร์.เจ แมชชินเนอรี่ จำกัด บริษัท จัสเต้ จำกัด บริษัท เอ็ม เอ็น อะไหล่เก่า จำกัด พร้อมทั้งดีเอสไอจะเรียกบุคคลที่มีความผิดมาดำเนินคดี นอกจากนี้ การสืบสวนยังทราบว่าเจ้าของบริษัทที่แท้จริง คือ เสี่ย ก. ซึ่งจะเร่งขยายผลให้ถึงตัวการโดยเร็วต่อไป


ส่วนผู้ครอบครองทางคณะทำงานร่วมทั้ง 7 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร สมอ. กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ กรมสรรพากร เห็นพ้องกันว่า ผู้ครอบครองเป็นผู้เสียหาย จะไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่จะมีการสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่า การซื้อขายรถยนต์มีการหลีกเลี่ยงภาษีจริง ก็จะดำเนินคดีต่อไป


..


 


ผสข.พนิตา สืบสมุทร 
ข่าวทั้งหมด

X