การตรวจสอบความเสียหายเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้นบนของห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร และทีมผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ทางวิชาการ ความมั่นคงของอาคาร ได้ลงพื้นที่วิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาปิ่นเกล้า ศ.ดร.สุชัชวีร์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าห้างสรรพสินค้าดังกล่าวมีอาคาร 2 แห่งเชื่อมต่อกัน โดยอาคารที่ก่อสร้างเมื่อ 2522 หรืออาคารต้นเพลิง สันนิษฐานว่าจุดต้นเพลิงอยู่ที่ชั้น 3 บริเวณทางขึ้นโรงภาพยนตร์โรง 7 และไฟลามไปถึงชั้น 4 ทำให้ชั้น 4ได้รับความเสียหายอย่างมาก และโรงภาพยนตร์ทั้ง8 โรงได้รับความเสียหาย เนื่องจาก ผนังไม่ได้ใช้วัสดุทนความร้อน จากนั้นไฟลุกลามไปยังฝ้า เพดาน โรงหนังอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วยโรงหนังจะมีพรม เบาะ ที่เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี ตัวโครงสร้างอาคารและพื้นไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่เสียหายคือบริเวณหลังคาที่ทรุดลงมา เบื้องต้นยังไม่สามารถหาข้อเท็จจริงของสาเหตุไฟไหม้ได้ แต่จากการสันนิษฐาน คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าช็อต แต่ทั้งนี้ ยังต้องรอผลพิสูจน์อย่างชัดเจนต่อไป
ส่วนอีกอาคารที่เชื่อมต่อกัน ที่สร้างขึ้นในปี 2548 ไม่ได้รับความเสียหาย สำหรับการตรวจสอบระบบดับเพลิงในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ พบว่ามีอุปกรณ์ดับเพลิงที่ได้มาตรฐาน และในช่วงแรกระบบได้มีการดับเพลิงแล้ว แต่ว่าอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงไม่สามารถต้านไฟที่โหมอย่างรุนแรงได้ ประกอบกับอาคารแห่งนี้ได้ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2522 จึงไม่ได้ใช้วัสดุทนไฟ ตาม พ.ร.บ. การก่อสร้างอาคาร 2550 หลังจากนี้ จะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการยกระดับมาตรฐานอาคารทุกแห่งต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าระบบการป้องกันอัคคีภัย ระบบการก่อสร้างอาคารของไทย มีความทันสมัยเป็นอย่างมาก หากสังเกตจะพบว่าส่วนใหญ่อาคารที่เกิดเหตุไฟไหม้ จะเป็นอาคารเก่าที่ก่อสร้างมานานแล้ว และหากห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะมีการปรับปรุงอาคาร ต้องขออนุญาตสำนักการโยธา ให้เรียบร้อยก่อน แต่จะต้องมีการรื้อถอนบริเวณชั้น 4 ออกให้หมด
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ขอความร่วมมือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่าเพิ่งเข้าไปในตัวอาคาร โดยเฉพาะชั้น 4 ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น หากจะต้องเข้าไปเอาของ ในบริเวณชั้น 1-3 ควรขออนุญาตเจ้าหน้าที่อาคาร แม้จะไม่ได้รับความเสียหายมาก แต่เนื่องจากมีการตัดน้ำ ตัดไฟ ภายในอาคารยังมีน้ำที่ใช้ในการดับเพลิง อาจเกิดการลื่นล้มได้
ด้านนายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า แม้ว่าบริเวณชั้น 1-3 ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะสามารถใช้งานได้ แต่กทม. จะยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการประชาชน จนกว่าจะมีการรื้อถอนบริเวณชั้น 4 และปรับปรุงซ่อมแซมให้อยู่ในสภาวะปลอดภัยก่อน พร้อมทั้งขอความร่วมมือเจ้าของอาคารเก่า ให้มีการตรวจสอบอาคาร ระบบการดับเพลิง และการซักซ้อมเหตุดับเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไว้ล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข