ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2เสียง ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มอัตราการซื้อกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (อีทีเอฟ) ต่อปี จากเดิม 3.3 ล้านล้านเยน (ราว 1.09 ล้านล้านบาท) เป็น 6 ล้านล้านเยน (ราว 1.99 ล้านล้านบาท) แต่ยังคงอัตราการซื้อทรัพย์สินต่อปีไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน (ราว 26.5 ล้านล้านบาท) และคงอัตราดอกเบี้ยติดลบไว้ที่ติดลบร้อยละ -0.1 บีโอเจ เปิดเผยว่า นโยบายที่ออกมาจะประสานสอดคล้องไปกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 28 ล้านล้านเยน (ราว 9.2 ล้านล้านบาท) ของรัฐบาลที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและไปให้ถึงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ที่ ร้อยละ 2 มาตรการดังกล่าวถูกมองว่ายังอ่อนแอเกินไปในสายตานักลงทุนที่คาดหวังให้เกิดสภาพคล่องมากกว่านี้ จึงส่งผลให้ค่าเงินเยนต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 103 เยนต่อดอลลาร์ การหารือครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับแต่การลงประชามติเสนอให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อค่าเงินเยนและต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลงเมื่อเดือน มิ.ย. และอัตราเงินเฟ้อร่วงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ เปิดเผยว่า หลังการประเมินสภาพเศรษฐกิจและผลลัพธ์จากมาตรการของบีโอเจ อาจจะมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมในการประชุมครั้งหน้าในเดือน ก.ย.
แฟ้มภาพ