ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเห็นชอบให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตัวจริง โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ขึ้นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หลังผ่านการประเมิน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สามารถดำเนินการตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ พร้อมยืนยันการตั้ง พล.ต.ท.ศานิตย์ ไม่มีแรงบีบหรือกดดันจากฝ่ายการเมือง ส่วนจะมีการโยกย้าย พล.ต.ท.ศานิตย์ พ้นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในวาระประจำปีนี้หรือไม่ เป็นดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณา
++++ที่ประชุม ก.ตร. ยังมีมติเห็นชอบให้ย้าย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนตำแหน่ง พล.ต.ท.ศานิตย์ และมีคำสั่งย้ายสลับระหว่าง พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร กับ พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครนายก และ พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา สลับกับ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งตามมาตรา 44 แม้ผลการสอบสวนกรณีค้ามนุษย์ไม่พบความผิดก็ตาม
+++ที่ประชุม ก.ตร.ยังมีมติเห็นชอบในหลักการยุบ/ยกเลิก ตำแหน่งรอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษา สบ 10 เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ยศ พล.ต.อ. จำนวน 8 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. และเทียบเท่า ผบช. ยศ พล.ต.ท. จำนวน 11 ตำแหน่ง และยกเลิกตำแหน่งรอง ผบช. ยศ พล.ต.ต. จำนวน 3 ตำแหน่ง ส่วนกรณีเงินค่าตอบแทนสำหรับผู้ปฎิบัติงานในตำแหน่งพนักงานสอบสวน หลังจากกระทรวงการคลังอนุมัติแล้วก็ได้แจ้งให้ที่ประชุม ก.ตร.รับทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการตามระเบียบ ยืนยันจะได้รับเงินย้อนหลังทุกตำแหน่ง
+++วันนี้ เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท. ผบช.น., พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 และ ชุดสืบสวน สน.จรเข้น้อยจะมาแถลงข่าวการ ตรวจค้น/จับกุม นางสาว สรารัตน์ ปานพา อายุ 22 ปี พร้อมของกลางอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนจำนวนหลายรายการ และยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 1000 เม็ด และ อีกคดีเป็น แทงกันตาย ที่ สถาบันการศึกษาย่านมีนบุรี +++นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ กรณีกักขังหน่วงเหนี่ยวและถอดกางเกงผู้สื่อข่าว เนื่องจากไม่พอใจที่นำเสนอข่าวภาพแต่งงานกับหญิง ม.5 ให้รู้ผลภายใน 15 วัน หากตรวจสอบมี หลักฐานชัดเจนว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทย โทษสูงสุดทางวินัยคือสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตามจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หาก นพ.เปรมศักดิ์กระทำจริงเข้าข่ายผิดก้าวล่วงสิทธิ ส่วนประเด็นในเรื่องที่มีการเสื่อมเสีย และคุกคาม สามารถเอาผิดได้ตามหลักกฎหมาย แต่ถ้าให้ไปชี้ว่า นพ.เปรมศักดิ์ ผิดหรือไม่ คงไม่ใช่ ก็อยากฟังว่า นพ.เปรมศักดิ์ จะอธิบายอย่างไร
+++การส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ สอท. เปิดเผยถึงการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าหรือ (EV Electric Vihede) ของภาครัฐนั้น ส.อ.ท.เห็นว่าแนวทางการพัฒนายังต้องค่อยเป็นค่อยไป และได้เสนอรัฐให้ความสำคัญเรื่องของการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเป็นสำคัญเพื่อการพัฒนา กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ส.อ.ท.จะยื่นหนังสือถึงนายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการส่งเสริมรถ EV ในประเทศไทยใหม่ เนื่องจากมองว่าการส่งเสริมเร็วเกินไป ควรค่อยเป็นค่อยไป เพราะไทยยังไม่มีความพร้อมในหลายด้าน ทั้งด้านพลังงานไฟฟ้าที่จะรองรับที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเพียงพอหรือไม่ และ รวมไปถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า ความพร้อมของเทคโนโลยีโดยเฉพาะแบตเตอรี่รวมถึงวิธีกำจัด และผลกระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.). กล่าวว่า ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 179,875 คัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.57% จากช่วงเดียวกับปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากทั้งการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 17.2% อยู่ที่ 75,858 คัน และการผลิตส่งออกเพิ่มขึ้น 19.6% อยู่ที่ 104,017 คัน ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 993,380 คัน เพิ่มขึ้น 6.22% จากช่วงเดียวกับปีก่อน
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.58 – มิ.ย.59) จัดเก็บได้ 1,793,590 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 78,456 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.6 สาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) จำนวน 48,242 ล้านบาท นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 11,874 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.1 และการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีเบียร์ สูงกว่าประมาณการ 7,616 6,091 และ 5,755 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.1 8.7 และ 9.3
+++สัญญาณส่งออกนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาวการณ์ส่งออกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว จากที่เอกชนมองว่าปีนี้จะไม่โตถึงติดลบ 2% อาจเห็น 0% ไปถึงแดนบวก เชื่อว่าไม่มีทางติดลบ แต่อาจจะบวกลบ 1% ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีขึ้น แต่ยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 5% เพื่อเป็นเป้าทำงาน สำหรับ การส่งออกสินค้าไทยเดือน มิ.ย. 2559 มีมูลค่า 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.07% เทียบกับเดือน มิ.ย. 2558 เป็นการติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน แต่เป็นอัตราติดลบน้อยสุดในรอบ 3 เดือน การส่งออกเดือน มิ.ย. ที่ติดลบ 0.07% เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำออกไป การส่งออกติดลบ 0.6% หากหักเฉพาะสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3.3% แต่หากหักเฉพาะทองคำ การส่งออกจะติดลบ 3.5% สำหรับการส่งออกในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) 2559 มีมูลค่า 1.05 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.6% ส่วนการนำเข้าช่วง 6 เดือน มีมูลค่า 9.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 10.23% ส่งผลให้ไทยยังเกินดุลการค้าครึ่งปีแรก มูลค่า 1.24 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
+++การจัดยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ โดยหน่วยงานของรัฐ นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารกลาง กล่าวว่า สามารถทำได้ตาม มาตรา 62 วรรค 2 ในกรณีพื้นที่ดังกล่าวมีความยากลำบากในการเดินทาง และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานดังกล่าวจะจัดได้ต้องร้องขอเท่านั้น และกรรมการประจำเขตต้องอนุญาต ซึ่งการดำเนินการต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เป็นการจูงใจ หรือควบคุมผู้มีสิทธิออกเสียงไปออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นจะมีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือศาลอาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ส่วนการอำนวยความสะดวกผู้พิการทางสายตา ว่า กกต.มีการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับอักษรเบรลล์ จำนวน 500 ฉบับ และมีการแจกจ่ายไปทั้งหมดแล้ว 48 องค์กร ขณะเดียวกันได้จัดหน่วยออกเสียงพิเศษให้กับผู้สูงอายุ คือ บ้านบางแค 1 และ 2 นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำบัตรทาบในบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิออกเสียงเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไปแสดงตนขอใช้สิทธิเซ็นชื่อผิดช่อง
+++หลังรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทุ่มงบประมาณแผ่นดินลงหมู่บ้านละ 2-3 แสนบาทและตำบลละ 5 ล้านบาททั่วประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำโครงการต่างๆโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนคิดเองลงมติกันเอง ส่วนใหญ่ชาวบ้านอยากทำถนนเพราะถนนในหมู่บ้านยังเป็นลูกรังที่เป็นคอนกรีตก็ผุพังขาดการซ่อมแซมแต่วิธีการทำถนนมี 2ลักษณะ คือ จ้างผู้รับเหมาทำกับชาวบ้านทำเองหากชาวบ้านทำเองคนในหมู่บ้านจะมีงานทำ มีรายได้ เฉลี่ยครอบครัวละ 600-1,000 บาทสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้มีการจ้างงานในท้องถิ่น นายสมพงษ์ สีดาจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านวินัยดีต.นาป่าแซง อ.ปทุมราชวงศาจ.อำนาจเจริญ เรียกร้องรัฐบาล หากให้ประชาชนทำเอง โครงการทำถนนคอนกรีต สายสั้นๆ ใช้ในท้องถิ่น พวกเราทำได้ หากได้ใบผ่านงาน หรือหนังสือรับรองการทำงานใช้เป็นหลักฐานรับเหมาจากทางการได้จะดีมาก สามารถพาชาวบ้านไปรับจ้างทำถนนคอนกรีตในหมู่บ้านอื่นๆได้อีกหลายแห่ง ตามแบบแปลนทำถนนที่ทางการอนุมัติ งบหมู่บ้านละ 2แสนบาท นายช่างของส่วนราชการจะออกแบบให้ทำทางได้ความยาว 80 เมตร ถนนกว้าง 4 เมตรเหล็กเส้นขนาด 3.20 มม. ถ้าให้ผู้รับเหมาทำแทนจะคิดราคาเต็ม 2 แสนบาทแต่ถ้าชาวบ้านทำเองงบ2 แสนบาทได้ระยะทางมากกว่ายาวถึง 100 เมตรผู้รับเหมาทำได้แค่ 20 เมตร ส่วนความกว้างได้เท่ากัน แต่ประหยัดงบประมาณและได้ถนนเพิ่มขึ้นถึง 5เท่า