พาณิชย์ลงนามเรียกค่าเสียหาย6ขรก.นักการเมือง /ทีดีอาร์ไอแนะเร่งขายข้าวเน่า/แจ้งความหมอเปรม ละเมิดสิทธิ

27 กรกฎาคม 2559, 08:28น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.



+++นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ได้ลงนามในหนังสือคำสั่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา 6.2 ล้านตัน กับนักการเมือง และข้าราชการรวม 6 คน หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือมอบหมายให้รมว.พาณิชย์เป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ โดยหลังจากที่นักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 คนได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทำหนังสือบังคับทางปกครอง แจ้งไปยังนักการเมืองและข้าราชการ 6 คนที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดต่อการขายข้าวจีทูจีดังกล่าวต่อไป



+++ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เปิดผลการศึกษา "โครงการระบายข้าวในคลังของรัฐ" เพื่อศึกษาว่า "ระบายข้าวอย่างไรจึงขาดทุนและกระทบชาวนาน้อยที่สุด และไม่เกิดปัญหาข้าวเสียปนกับข้าวบริโภค"นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณทีดีอาร์ไอ กล่าวว่าประเทศเหลือปริมาณข้าวคงคลังตามบัญชี 18.7 ล้านตัน เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐประหารเมื่อเดือน พ.ค. 2557 แต่พบว่ามีข้าวในสต็อกจริงเพียง 17.28 ล้านตัน โดยระหว่าง ส.ค. 2557-มิ.ย. 2559 มีการระบายข้าวไปแล้ว 7.5 ล้านตัน มูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาทสำหรับปัจจุบันเหลือข้าวรอการระบายอีก 9.7 ล้านตัน ซึ่งควรระบายให้หมดภายใน 24 เดือนตามที่ตั้งเป้าหมายเพื่อทำให้ตลาดค้าข้าวในประเทศกลับสู่ภาวะปกติและลดความเสียหาย



ทีดีอาร์ไอเสนอให้รัฐบาลตรวจสต็อกข้าวอีกครั้ง ก่อนใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวอำนาจความสะดวกในการระบายข้าวเกรด C โดยเฉพาะ เนื่องจากต้องขายแบบขาดทุนทำให้เจ้าหน้าที่ถูกโจมตีเรื่องราคาและถ้านำไปเผาเป็นชีวมวลก็ถูกโจมตีเรื่องทำลายทรัพย์สินของแผ่นดิน ดังนั้นการใช้มาตรา 44 ระบายข้าวคุณภาพแย่มากคงไม่สามารถคาดหวังด้านราคาได้ แต่ถ้าขายหมดก็ถือเป็นการปลดภาระขาดทุน พร้อมเกิดรายรับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถ้าเก็บข้าวส่วนนี้ไว้ราคาก็จะลดลงเหลือน้อยมาก



+++ผลการศึกษายังมีข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลควรระบายข้าวแบบสม่ำเสมอทุกๆ เดือน หรือเดือนละ 2 ครั้ง เพราะจะขาดทุนน้อยกว่าขายเป็นช่วงๆ และลดการเก็งกำไรได้ และต้องเร่งระบายในช่วง 2-3 ปีนี้ เพราะหลังจากนั้นข้าวจะเสื่อมคุณภาพลงมาก โดยเฉพาะการลดราคาข้าวเสื่อมสภาพต้องเร่งขายให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันควรแก้ไขกฎหมายข้อมูลข่าวสารราชการให้ครอบคลุมเรื่องการเปิดเผย ข้อมูลการระบายข้าวรัฐบาล พร้อมบทลงโทษเจ้าหน้าที่ปิดบังข้อมูล เพราะค่าเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท มาจากภาษีของประชาชน



+++นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ผลเสียหายของโครงการจำนำข้าวได้ให้บทเรียนว่า รัฐบาลไม่ควรแทรกแซงสินค้าเกษตรทุกชนิดแล้วนำมาเก็บไว้ในสต็อกโดยเด็ดขาด เพราะกฎระเบียบของรัฐไม่เอื้ออำนวยต่อการขายข้าว รัฐบาลจะขาดทุนมหาศาลจากค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้า ตัดสินใจระบายข้าวหากราคาลดลงส่งผลให้ข้าวมีโอกาสเสื่อมมากขึ้น       



+++ครม.อนุมัติรถไฟสายสีแดง (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง 25.9 กม. วงเงิน 4.4 หมื่นล้าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการเป็นมติ ครม.ให้โครงการที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท เมื่อจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) แล้วให้เสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อตรวจสอบและแก้ครหาเรื่องล็อกสเปก และให้เจรจากับผู้บุกรุกเขตทางรถไฟให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารับค่าชดเชยแล้วไม่ยอมย้ายออก โดยจะมีการเวนคืนพื้นที่ 2 แปลงบริเวณพญาไท จำนวน 78.40 ตารางวา และโยกย้ายผู้บุกรุก 1,030 หลังคา ช่วงยมราช-หัวลำโพง กรอบชดเชย 191 ล้านบาทโดยคาดว่าจะเสนอร่าง TOR ภายในเดือน ส.ค.และเปิดประมูลในเดือน ก.ย. 2559 ทำสัญญาและเริ่มก่อสร้างต้นปี 2560 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 36 เดือน คาดว่าจะเปิดเดินรถได้ในปี 2564



++++ รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ได้รับการร้องเรียนจากร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมบางยี่ห้อได้แจ้งปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำอัดลมขวดแก้ว และน้ำอัดลมกระป๋องอีก 2 บาทต่อขวดต่อกระป๋อง ทำให้ราคาปรับขึ้นจากเดิมขวดและกระป๋องละ 10 บาท เป็น 12 บาท โดยผู้ผลิตให้เหตุผลว่าต้นทุนวัตถุดิบ คือ น้ำตาลทรายเพิ่มสูงขึ้น และได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตกลุ่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล จึงต้องขอปรับราคาจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนว่ามีร้านค้าปรับขึ้นราคาน้ำอัดลม ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นร้านค้าใด และเหตุผลหรือที่มาของการขึ้นราคา ว่า เป็นการฉวยโอกาสหรือไม่ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขึ้นราคา 2 บาทต่อขวดหรือต่อกระป๋องแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ประกอบการร้านค้าบางรายที่ปรับขึ้นราคาเอง       ขณะที่นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำอัดลม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาษีน้ำหวาน เนื่องจากภาษีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผลดีผลเสียอย่างละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป



+++ความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย  นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครึ่งปี 59 ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯไทยมีความโดดเด่นที่สุดในอาเซียน ทั้งในด้านผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค หรือคิดเป็น ร้อยละ 15.2 ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนด้วยมูลค่าซื้อสุทธิ 35,978 ล้านบาท จากปีก่อนที่ต่างชาติขายสุทธิ นอกจากนี้ปีนี้ยังมีแนวโน้มซื้อต่อเนื่อง และมีสภาพคล่องมากที่สุดด้วยมูลค่าซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,669 ล้านบาท เป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 55 เป็นต้นมาเนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาดี ประกอบกับตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน



+++นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล รองผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ขณะนี้แก๊งปั่นหุ้นมีกลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายในการปั่นหุ้นหรือการนำข้อมูลภายในของบริษัทมาซื้อขายหุ้น ดังนั้นทาง ตลท. จำเป็นต้องมีมาตรการในการดูแลหุ้นแต่ละตัวอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้นักลงทุนได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบเรื่องของราคาหุ้นที่มีความผันผวนมากเกินไป แต่ยอมรับว่าในปีนี้น่าจะมีจำนวนบริษัทที่จะเข้าข่ายการเข้าสู่มาตรการควบคุมราคาหุ้นที่ร้อนแรงของ ตลท. น้อยกว่าปี 58 ที่มีหุ้น 73 ตัว ที่เข้าเกณฑ์ในการแจ้งเตือนและให้บริษัทชี้แจง



+++วันนี้  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือน มิ.ย. 2559 พร้อมยอดผลิตและจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศ รวมทั้งยอดขายปูนซีเมนต์ ทั่วประเทศ สะท้อนกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง



++++สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ประณาม นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และอดีต สส. หลังสั่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ถอดเสื้อผ้าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ขณะขอสัมภาษณ์ที่สำนักงานเทศบาล โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลบันทึกภาพผู้สื่อข่าวขณะถูกถอดเสื้อผ้า หลังไม่พอใจการนำเสนอข่าว นพ.เปรมศักดิ์ กับหญิงสาววัยรุ่นที่อ้างว่าทำพิธีสู่ขอกัน เหตุการณ์ ดังกล่าว คุกคามสื่อและยังขัดกฎหมายอาญาฐานข่มขืนใจทำให้เกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต หน่วงเหนี่ยว กักขัง คุกคามเสรีภาพ และเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด  โดยวันนี้   กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้สั่งการให้นายก่อสิทธิ์ รีบไปแจ้งความดำเนินคดีกับ นพ.เปรมศักดิ์ ที่ สภ.บ้านไผ่ ในวันที่ 27 ก.ค. นอกจากนี้บริเวณหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์อีสานตอนบน มีตำรวจ 2 นายมาดูแลความเรียบร้อย หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวพล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ10) ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวว่า จะประสาน พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดด้วย



+++ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับรางวัล "คนจิตอาสาตามรอยพ่อของแผ่นดิน" ในวันที่ 11 ส.ค. ที่รัฐสภา ซึ่ง นพ.เปรมศักดิ์ได้รับรางวัลในฐานะคุณหมอผู้ให้ความช่วยเหลือในด้านสาธารณสุขแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากเนื่องจากได้จัดตั้งกองทุน "คนบ้านไผ่ไม่ทอดทิ้งกัน" เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ยากจน และจัดโครงการ I see you หรือโครงการเยี่ยมบ้านยามบ่ายเพื่อดูแลประชาชน และตามคนไข้ด้วยตัวเองถึงขอบเตียง เป็นการให้กำลังใจผู้ป่วย นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า กรณีที่มีรายชื่อ นพ.เปรมศักดิ์เป็นผู้ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วยนั้นคงต้อง ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน หากพฤติการณ์ขัดหลักการอาจจะทบทวนการมอบรางวัล

ข่าวทั้งหมด

X