ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.
++++ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการฉีกบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติ โดยยืนยันว่าไม่มีขบวนการฉีกบัตร แต่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ถึงขั้นเป็นขบวนการล้มประชามติ เชื่อว่าแม้จะถึงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติ จะไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น และไม่จำเป็นต้องตั้งวอร์รูมลับในวันลงประชามติ
+++นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกล่าวว่า ภาพรวมก่อนการลงประชามติประชาชนตื่นตัวและได้รับข้อมูลมากขึ้น แต่ขณะนี้รู้สึกว่ากำลังโดนรุมอย่างไม่เป็นธรรม และกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะพบว่าคนที่ออกมาบอกจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวานใช้ฐานะหนึ่ง วันนี้อีกฐานะหนึ่ง พรุ่งนี้ก็อีกฐานะ จึงทำให้รู้สึกว่าทำไมจึงหลอกลวงประชาชนได้ขนาดนี้ เช่น นำมาตราหนึ่งของร่างฉบับนี้ ที่มีมาทุกฉบับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2475 มาขีดเส้นใต้ชี้ว่าเป็นปัญหา สะท้อนถึงจิตใจสกปรก คดโกงชาวบ้าน
+++นายมีชัยกล่าวด้วยว่า เจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการแก้ปัญหาของประเทศ นอกจากนั้นในเนื้อหามีบทบัญญัติว่าด้วยการปฏิรูปเพื่อกำหนดกรอบการทำงานให้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งยอมรับว่าเนื้อหาดังกล่าวมีความโหด เพราะเขียนระยะเวลาดำเนินการบังคับไว้ เช่น การมีกฎหมายว่าด้วยการชี้ช่องการทุจริต หรือกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 240 วัน หากหน่วยงานใดทำไม่แล้วเสร็จ หัวหน้าหน่วยงานต้องถูกย้ายให้พ้นจากตำแหน่ง
+++สำหรับความคืบหน้าตำรวจภูธรภาค 5 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นสถานที่หลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด ของตระกูลบูรณุปกรณ์ พบซองจดหมายที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับเอกสารปลุกคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ มีการจับกุมบุคคลบางคน พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์หลายรายการ โดยเชื่อมโยงไปถึงนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในต่างประเทศ ขณะที่ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่เขต 1 พรรคเพื่อไทย ไปพบ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และขอทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
++++เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 44/2559.ให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ใน อบจ.เชียงใหม่ชั่วคราว จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ในส่วนการจับกุมนายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานกองวิชาการ เทศบาลตำบลช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ผู้หย่อนจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ และนายสามารถ ขวัญชัย คนแจกใบปลิวต่อต้านการออกเสียงประชามติ ที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวน สอบสวนเพื่อเชื่อมโยงกับนักการเมืองท้องถิ่น รายใหญ่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายวิศรุต โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 1 แสนบาท พร้อมขออยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่
+++พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 กล่าวว่า พนักงานสอบสวนทำงานกันอย่างหนัก แบ่งผู้เกี่ยวข้องในคดีออกเป็น 5 กลุ่มคือ กลุ่มผู้บงการ กลุ่มผู้ผลิตจดหมายบิดเบือน กลุ่มส่งจดหมาย กลุ่มทำลายเอกสาร ผู้ช่วยเหลือซ่อนเร้น และกลุ่มที่ช่วยเหลือด้านอื่นๆ หากสอบสวนไปถึงใคร ต้องดำเนินการต่อทั้งหมดไม่มีละเว้น ขอให้รอการออกหมายจับเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีการค้นสถานที่ต่างๆ อีก 9 จุด โดยเฉพาะกลุ่มการ์ดที่เป็นบุคคลทำลายเอกสาร บริเวณด้านหลังบริษัท เชียงใหม่ ทัศนาภรณ์ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่รับหน้าที่ทำลายเอกสารทั้งเผา ซอยเอกสาร และนำไปเผาอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่พบบางส่วนตกค้างอยู่มาก สามารถเห็นข้อความและเนื้อหาที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญ
+++ด้านการประเมิน ความเคลื่อนไหว และการลงคะแนนโหวตนั้น รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เปิดเผยว่า จากการประเมินพื้นที่มีความเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงในวันที่ 7 สิงหาคม พบว่ารุนแรงที่สุด คือ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง ทั้งสามจังหวัดนี้มีการเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกัน โดยผู้ที่ลงมือกระทำค่อนข้างประมาท เนื่องจากหน่วยงานความมั่นคงได้เก็บหลักฐานทางวงจรปิดไว้ได้ทั้งหมด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการรณรงค์ให้ไม่รับร่างเช่นกัน แต่เป็นลักษณะใต้ดิน โดยเฉพาะจังหวัดที่น่าจับตา คือ จ.ขอนแก่นศรีสะเกษ
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.ได้เรียกแกนนำพรรคหารือ อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอัศวิน วิภูศิริ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ถึงท่าทีต่อการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะแถลงความชัดเจนในวันที่ 27 กรกฎาคม โดยนายอภิสิทธิ์จะแถลงในนามส่วนตัวว่า คิดเห็นอย่างไรกับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ส่วนสมาชิกพรรคจะเปิดให้ฟรีโหวตในการออกเสียง ประชามติ รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วยกับคำถามพ่วงประชามติและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากในพรรคมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน และด้วยข้อจำกัดเรื่องคำสั่ง คสช. ห้ามประชุมพรรคการเมือง ทำให้พรรคมีการประชุมที่เป็นมติแบบเห็นพ้องไม่ได้ จึงทำให้นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจออกมาประกาศจุดยืนในนามส่วนตัว ซึ่งสมาชิกพรรคและอดีต ส.ส.ส่วนหนึ่งพร้อมจะสนับสนุนแนวทางของหัวหน้าพรรค แม้จะไม่มีมติ แต่ยังมีสมาชิกพรรคและอดีต ส.ส.ในส่วนเคลื่อนไหวกับ กปปส.มีแนวทางต่างจากนายอภิสิทธิ์ โดยจะรับร่างรัฐธรรมนูญตามแนวทางของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.)
+++วันนี้ ต้องติดตามการประชุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เตรียมสรุปวันเวลาเพื่อแจ้งข้อหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังพบรถเบนซ์ที่ครอบครองผิดกฎหมาย
++++ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบพบการครอบครอบรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เข้าข่ายมีความผิดว่า ขั้นตอนการพิจารณาก็เป็นไปตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่อะไรก็ตามที่ยังไม่มีการตัดสินก็ต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ทำงาน และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นกระบวนการยุติธรรมก็จะเป็นผู้ตัดสินออกมา ถ้าไม่เป็นแบบนี้มันไปต่อไม่ได้
+++ส่วนการเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องดูว่าทำได้หรือไม่ ทั้งกฎหมาย และวินัยสงฆ์ ประชาชนสามารถคิดและตัดสินเองได้ แต่ต้องใช้กฎหมายเป็นบรรทัดฐาน เรื่องนี้ตนไม่ได้เป็นคนสั่งตรวจสอบตั้งแต่ต้น ทุกเรื่องเป็นคดีเก่าทั้งสิ้น ไม่ใช่อยู่ๆ รัฐบาลนี้ไปขุดคุ้ยขึ้นมา มันมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ทุกอย่างเป็นเรื่องของกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ตนก็ทำตามอำนาจบริหารที่มีอยู่ วันนี้ถ้ายังไม่ชัดเจนก็สอบต่อไป ซึ่งมันก็เกี่ยวกับวิกฤตศรัทธาของประชาชนด้วย ส่วนการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา แต่ขึ้นอยู่กับการสอบสวน
+++ช่วงบ่ายวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ เพื่อหาข้อสรุปว่าสมเด็จช่วง เข้าข่ายตกเป็นผู้ต้องหา ใน 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้า โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน และ 2.ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานฯ
+++พระครูปลัดสิทธิวัฒน์หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พร้อมทีมกฎหมายของวัด แถลงชี้แจงกรณีที่ดีเอสไอระบุว่า รถโบราณยี่ห้อแพนเธอร์ ที่มีชื่อหลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้ครอบครอง ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น เป็นการตั้งใจหลีกเลี่ยงภาษีอากร โดย นายศุภภัทรพจน์ นิติศศธร ทนายความ และไวยาวัจกรของวัด ยืนยันว่า ทุกอย่างถูกต้อง ผู้ถวายมีเจตนาที่จะนำรถมาตั้งโชว์ไว้ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อเป็นกุศโลบายนำคนเข้าวัด มิได้นำมาใช้เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด ขณะที่หลวงพี่น้ำฝน ระบุว่า อาตมาปลงแล้ว รถคันนี้ไม่ได้ใช้ไปไหน จุดประสงค์ของผู้ถวายคือ เพื่อเป็นกุศโลบายให้คนเข้าวัด
++++การพิจารณาคดีร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจรของ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นั้น พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบช.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้เรียก พระมหาบุญชัย จารุทัตโต ผู้รับผิดชอบด้านการเงินของวัดที่มีอำนาจสั่งจ่ายเช็ค มาสอบปากคำเกี่ยวกับการบริหารด้านการเงินของวัดพระธรรมกาย ในวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. เพื่อนำไปประกอบการสอบสวนคดีฟอกเงิน โดยจะสรุปสำนวนเพิ่มเติมให้ทันภายในวันที่ 11 สิงหาคม ขณะที่พระวัดพระธรรมกาย 5 รูป ได้แก่ พระทัตตชีโว, พระถวัลย์ศักดิ์, พระมหาสมชาย, พระครูใบฏีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก และพระสุธรรม สุธรรมโม มีกำหนดเข้าให้ปากคำในวันที่ 4 สิงหาคม หลังขอเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง
พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ กล่าวว่า หลังแจ้งข้อหาฟอกเงินกับกลุ่ม นายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล อดีตพระลูกวัดพระธรรมกายและผู้บริหารบริษัท เอสดับบลิวโฮลดิ้งกรุ๊ป(ประเทศไทย) ไปแล้ว 2 สำนวน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนเพื่อเสนอต่ออธิบดีดีเอสไอให้เซ็นคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว เพื่อส่งสำนวนให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป คาดว่าจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องได้ภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้
+++นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติ และสัตว์ป่า ร่วมกับ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมคณะตำรวจเจ้าของพื้นที่ เข้าตรวจสอบบริเวณวัดลิเจีย หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีการบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และแบ่งล็อกขายให้กับกลุ่มนายทุนที่เป็นลูกศิษย์วัด 13แปลง โดยแปลงที่ 1-9 ปลูกเป็นบ้านพักตากอากาศขนาดเล็ก มีทั้งชั้นเดียวและ 2 ชั้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดค่าพิกัดจากดาวเทียวเช่นกัน ยังไม่มีการตั้งข้อหากับใครแต่อย่างใดเบื้องต้นพบว่าบ้านพักทั้ง 9 หลัง และแปลงไร่ส้ม 3 แปลง รุกที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมอย่างแน่นอน ซึ่งจะได้สอบปากคำผู้ที่อยู่ในบ้านพักจำนวน 3 คน ต่อไป สำหรับวัดถ้ำลิเจีย เป็นวัดที่เคยมีชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยเป็นวัดของ อดีตพระยันตระ นายวินัย ละอองสุวรรณ ที่หนีคดีไปอยู่ที่สหรัฐฯ กว่า 20 ปีอีกทั้ง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีต ส.ส.จังหวัดราชบุรี เคยนำทีมงานมาขุดหาขุมทองโกโบริ ภายในถ้ำลิเจียมาแล้ว
+++หลังตำรวจ สน.บางโพงพาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 63 คน ที่รวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเตรียมแข่งขันกันบริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 7 บริเวณถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 กรกฎาคม จากนั้นได้นำทั้งหมดเข้าอบรมหลักสูตรที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนนางลิ้นจี่ กทม. 7 วัน วานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง ได้เชิญบรรดาผู้ปกครองมาทำประกันความประพฤติและประกันรถจักรยานยนต์ ด้วยหลักทรัพย์ 2 หมื่นบาท โดยให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม เข้ามารับเรื่องอีกด้วย มีรายงานว่า มีผู้ปกครองของเยาวชนบางรายที่เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามนัดหมายไม่พอใจที่ต้องจ่ายเงินค่าประกันจำนวนนี้ เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่มากเกินไป พร้อมอ้างว่าลูกหลานยังไม่ได้กระทำความผิด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงเหตุผลแก่ผู้ปกครองจนเป็นที่เข้าใจ และยินยอมชำระค่าประกัน
++++พ.ต.อ.สมโภช สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางโพงพาง กล่าวว่า ตำรวจได้เชิญผู้ปกครองเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 45 ราย มาทำประกันความประพฤติและประกันรถจักรยานยนต์ ด้วยหลักทรัพย์ 2 หมื่นบาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี หากไม่กระทำผิดซ้ำในช่วง 2 ปี สามารถคืนเงินประกันได้ ส่วนที่ไม่มีเงินประกันก็จะยึดรถไว้เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ หรือให้ข้าราชการมาทำเรื่องเป็นผู้รับประกันแทนได้อีกทาง อีกทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม จะร่วมกันดูแลเยาวชนเหล่านี้ไปตลอด 2 ปีด้วย อย่างไรก็ดีต้องขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ปกครอง เนื่องจากเป็นบุคคลที่ดูแลใกล้ชิดที่สุด ส่วนผู้กระทำความผิดที่มีอายุเกิน 20 ปี อีก 18 ราย ตำรวจจะลงทัณฑ์บนไว้ก่อน เป็นระยะเวลา 2 ปี เช่นกัน โดยจะให้ตำรวจใช้วิธีการสอดส่องดูพฤติกรรม หากมีการกระทำความผิดอีกจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอีกครั้ง มีผู้กระทำความผิดอายุเกิน 20 ปี 2 ราย ไม่มาเข้าอบรม เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป