ตร.สหรัฐ คุมตัวอดีตเณรคำกำลังพิจารณาส่งตัวมาดำเนินคดีที่ไทย

22 กรกฎาคม 2559, 11:49น.


ความคืบหน้าการจับกุมตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ ที่หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา พันตำรวจเอก ไพสิฐ  วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทางสหรัฐอเมริกาว่าจับกุมตัวนายวิรพลเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานต่างประเทศ, สำนักงานอะยการสูงสุด, กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี


 


ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบรถยนต์ประกอบจากชิ้นส่วนอุปกรณ์รถเก่า หรือ รถจดประกอบของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ กรณีรถยนต์โบราณยี่ห้อแพนเทอร์ ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ วัดไผ่ล้อม หรือหลวงพี่น้ำฝน พบว่าเป็นยี่ห้อแพนเทอร์ ไม่ใช่ยี่ห้อจากัวร์ และมีการจดทะเบียนเป็นรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นคัน จากนั้นมีการขายต่อกัน 2-3 ทอด จนมาถึงพระครูปลัดฯ ที่ซื้อจากเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แล้วจ้างคนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อ P-BOY แยกชิ้นส่วนลำเลียงขึ้นเรือต่างลำและต่างเวลากัน เพื่อนำเข้ามายังราชอาณาจักรไทย โดยใช้ชื่อตนเองเป็นผู้นำเข้าเครื่องยนต์  และมีการปลอมลายมือชื่อผู้นำเข้าโครงตัวถัง รวมถึงทำเอกสารเท็จ จากนั้นไปทำการจดประกอบเป็นรถยนต์กับโรงประกอบที่จังหวัดสมุทรสาคร  ชำระค่าภาษีสรรพสามิตกับกรมสรรพสามิตถูกต้องและจดเบียนเป็นรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ในชื่อของตนเอง แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาแต่ต้นที่จะนำรถยนต์เข้ามาทั้งคันแต่ประเทศไทยไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เก่าใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร จริงหลีกเลี่ยงวิธีการนำเข้าด้วยการแยกชิ้นส่วนกัน พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตร27 ประกอบกับมาตราหกพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ.2530 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาเรียกเก็บอากรในส่วนที่ขาดเพิ่มเติมจากกรมศุลกากร เมื่อได้รับผลแล้วจะได้ดำเนินการเรียกผู้ต้องหามาแจ้งข้อหาต่อไป


ส่วนกรณีการสอบสวน รถยนต์ยี่ห้อเมอร์ซิเดสเบ็นซ์ รุ่น 300 บี ของสมเด็จมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง จากการสอบสวนพบมีผู้กระทำผิดแบ่งเป็น 4 กรณี ได้แก่กลุ่มผู้นำเข้าพิธีการศุลกากรต่อกรมศุลกากร, กลุ่มผู้ประกอบรถยนต์และชำระภาษีไม่ครบถ้วนต่อกรมสรรพสามิต, กลุ่มผู้ที่นำรถไปชำระภาษีและจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบก และกลุ่มผู้ครอบครองรถ ซึ่งจากพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่าผู้ครอบครองรู้ว่ารถยนต์คันนี้ เป็นรถยนต์ที่ได้มาโดยไม่ชอบตามกฎหมาย จึงมีความผิดฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ ทางดีเอสไอจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสอบปากคำสมเด็จช่วงอีกครั้ง


 


..


 


ผสข.พนิตา สืบสมุทร


 


 
ข่าวทั้งหมด

X