ลงทะเบียนคนจนต่ำกว่าเป้าหมาย/เอกชนยื่นประมูลข้าวคึกคัก

22 กรกฎาคม 2559, 08:22น.


ในการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ปี เพื่อรับสวัสดิการรัฐ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 15-21 กรกฎาคมมีผู้ลงทะเบียน 113,000 ราย ต่ำเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในเดือนกรฎาคมนี้จะมีผู้ลงทะเบียนผ่านธนาคารออมสิน 2-3 ล้านราย จึงจะเพิ่มการลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการในที่ชุมชน



ด้าน นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ยอดลงทะเบียนผ่านธนาคารกรุงไทย ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 93,377 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่มีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 8 แสนราย และคาดว่าช่วงโปรโมชั่นของธนาคารจะลงทะเบียนถึง 5 ล้านราย จากเป้าสิ้นปีนี้ 8 ล้านราย โดยยอมรับว่าช่วงแรกประชาชนยังไม่เข้าใจ และมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จึงอยากให้ช่วยเช็กก่อนแชร์



วันนี้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีงานใหญ่ตลาดนัดกองทุนรวม สร้างพอร์ตแกร่งด้วยกองทุนรวม ภายในงานนอกจากจะมีงานเสวนา วิเคราะห์กองทุนรวมครึ่งปีหลัง และจัดพอร์ตแกร่งด้วยหุ้นเด่นกองทุนดังแล้ว ยังมีบริการวางแผนการลงทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งเป็นโอกาสดีในภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมากจะบริหารเงินให้งอกเงยได้อย่างไร



สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ แถลงผลการศึกษา "โอกาสทางธุรกิจของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในอาเซียน" ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ



ส่วนการประมูลข้าวรัฐ 2 ล้าน 1 แสน 8 หมื่นตัน ซึ่งมีผู้ประกอบการยื่นซองคุณสมบัติ จำนวน 9 ราย ซึ่งนางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้า ต่างประเทศ กล่าวยอมรับว่า การระบายในรอบนี้มีเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น อาทิต้องมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอยู่แล้ว และยังมีข้อจำกัดทั้งเรื่องกำหนดเวลาขนย้ายและการส่งหลักฐาน คำสั่งซื้อและรายงานการส่งออกจริง แต่ก็ยังมีเอกชนจำนวนมากให้ความสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด



กับยังมีข้าวอีก 1 ล้าน 6 แสน 3 หมื่นตันที่เปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมมีเอกชนสนใจยื่นซองคุณสมบัติ จำนวน 38 ราย  โดยกรมการค้าต่างประเทศจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเอกชนทั้ง 2 กลุ่มในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ และ ให้ยื่นเสนอราคาซื้อในวันเดียวกัน



นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกปี 2559 จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 9 ล้าน 5 แสนตัน โดยคาดว่าจะส่งออกได้เพียง 9 ล้าน 2 แสนตัน เพราะราคาข้าวของไทยสูงกว่าคู่แข่งเฉลี่ยที่ตันละ 50 ดอลลาร์ โดยราคาข้าวขาวเก่าของไทยอยู่ที่ ประมาณตันละ 360 ดอลลาร์ ส่วนข้าวใหม่ตันละ 420 ดอลลาร์ ขณะที่ภัยแล้งในหลายพื้นที่ทำให้ผลผลิตลดลง  แต่ที่อินเดียผลผลิตเริ่มดีขึ้น ส่วนเวียดนามก็ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากนัก ขณะที่จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มีผลผลิตในประเทศมากขึ้น จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อข้าวจากไทยใน ขณะนี้ แต่คาดว่าในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาตามวงจรการค้าข้าวปกติ



เมื่อวานยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งในส่วนของตำรวจ มีพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจ เร่งรัดให้หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ เร่งปฏิรูปองค์กรตำรวจใน 10 ประเด็น



ขณะที่ในส่วนของรัฐบาล มีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะอนุกรรมการปฏิรูปกิจการตำรวจ เพื่อพัฒนาระบบการสืบสวนสอบสวนและการบริหารจัดการคดีให้มีมาตรฐานและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นการทำงานควบคู่กัน



กรณี ร.ต.อ.ชาญชาย เย็นสุข รอง สว.จร.สน.นิมิตรใหม่ แจ้งความดำเนินคดี ร.ต.อ.ชนินท์ธัช รัตน์ชิโนตรัย รอง สวป.สน.บางรัก โดยกล่าวหาว่า ร.ต.อ.ชนินท์ธัช อ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่สามารถวิ่งเต้นให้ ร.ต.อ.ชาญชายเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรได้ โดยแลกกับเงินสด 700,000 บาทนั้น แต่เมื่อวานนี้ ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ ร.ต.อ.ชาญชายและภรรยา ให้การว่า ร.ต.อ. ชนินท์ธัช ขอยืมเงินแล้วบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนจึงต้องมาแจ้งความ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง จึงต้องเรียก ร.ต.อ.ชาญชายและ ร.ต.อ.ชนินท์ ธัชมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้ โดยคดีฉ้อโกงนี้สามารถยอมความกันได้ หากสอบปากคำในวันที่ 22 กรกฎาคม แล้วทั้งสองฝ่ายตกลงยอมความกันได้ คดีจะยุติ



ส่วนการดำเนินคดี นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือไก่ อายุ 56 ปี 3 ข้อหา ซึ่งจากข้อหาแอบอ้างสถาบันตาม ม.112 เป็นข้อหาฉกรรจ์ ศาลไม่ให้ประกันตัว จึงส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะที่ชุดสืบสวนกองปราบปรามได้สางคดีการเสียชีวิตของนางฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล เศรษฐินีเจ้าของสัมปทานการเดินรถที่ จ.อุดรธานี ซึ่งปรากฏข้อมูลว่านางมณตามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องเช่นกัน และเมื่อวานนี้ ศาลอนุมัติหมายจับนางมณตาในข้อหาค้ามนุษย์ และในวันนี้ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์ เดินไปที่ สภ.เชียงแสน จ.เชียงรายเพื่อประกันตัว น.ส.กาบแก้ว สัญชาติลาว อดีตลูกจ้างที่ถูกนางมณตาแจ้งความเอาผิดในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง เมื่อปี 2554 โดยใช้หลักทรัพย์จากกองทุนยุติธรรมจำนวน 100,000 บาท ขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน



ส่วน ร.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ป. จะไปศาลทหาร เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับนางมณตา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 จากนั้นจะไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหานางมณตาพร้อมกับอายัดตัวต่อศาลอาญา รัชดาภิเษก ส่วนการสรุปสำนวนคดี ม.112 คาดว่าจะส่งถึงพนักงานอัยการได้ในสัปดาห์หน้า



และที่กรุงเทพมหานคร ร.ต.ท.ศิววิชญ์ สมบูรณ์ผล รองสว.ป.สน.ภาษีเจริญ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ งามมุข หัวหน้าฝ่ายจัดการสารเคมีและวัตถุอันตราย สำนักงานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สำนักอนามัย กทม. พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพื้นที่ร้าง เชิงสะพานบางขี้เก้ง ถ.พุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. ตามที่รับแจ้งมีผู้นำสารเคมีไม่ทราบชนิดมาทิ้งเอาไว้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน พบถังขนาด 200 ลิตร สีน้ำเงินไม่ติดฉลาก ทิ้งคว่ำอยู่ในมุมลับตาด้านในพื้นที่ โดยมีวัตถุก้อนแข็งสีขาว และ ก้อนเหลวสีชมพูรั่วไหลออกมาจากถัง ส่งกลิ่นเหม็น และทำให้หญ้าเกิดรอยไหม้แห้งตายเป็นวงกว้าง นายสุทธิศักดิ์ เลี้ยงเจริญทรัพย์ ผู้ช่วย ผอ.เขตภาษีเจริญ กล่าวภายหลัง เดินทางมาดูที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้นพบว่าน่าจะเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเครื่องสำอางที่หมดอายุไปแล้ว ซึ่งไม่พบความเป็นอันตรายทางปฏิกิริยาเคมี ความไวไฟ และผลกระทบต่อสุขภาพ จึงถือว่าปลอดภัย แต่จะให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างไปส่งตรวจที่ห้องแล็บอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับผู้ที่นำมาทิ้งจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ฐานทิ้งสิ่งปฏิกูลในสถานที่ไม่เหมาะสม มีโทษปรับ 2,000 บาท



*-*

ข่าวทั้งหมด

X