ในช่วงวันหยุดยาวในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) เพื่อตรวจสอบว่าจะมีผู้โดยสารตกค้างหรือไม่ โดยนายอมรเทพ วิเศษเจริญไพศาล เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กรมการขนส่งทางบก ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจการที่ 15 เปิดเผยว่า ในวันนี้บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากประชาชนเดินทางกลับบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์แล้ว และจากการตรวจสอบก็ไม่พบผู้โดยสารตกค้าง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ยังมีการตรวจสอบความเรียบร้อยของรถแท็กซี่ ที่เข้ามาส่งผู้โดยสารภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ด้วย และตรวจพบว่ายังมีการนำรถแท็กซี่ที่หมดอายุมาขับให้บริการ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกจึงปลดป้ายทะเบียนแล้วยึด ก่อนจะออกใบสั่งให้ไปจ่ายค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท ที่กรมการขนส่งทางบก โดยรถยนต์ที่หมดอายุจะมีความผิดร่วมคือ ไม่เสียภาษีประจำปี ไม่ตรวจมิเตอร์ประจำปีด้วย

นายอมรเทพ เปิดเผยว่า การนำรถแท็กซี่หมดอายุมาขับ ถือเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสาร เนื่องจากเป็นรถเก่า คุณภาพของรถ ระบบความปลอดภัย จะสู้รถรุ่นใหม่ไม่ได้ โดยเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกจะดูรุ่นรถและป้ายทะเบียน ที่มีตัวอักษรนำหน้าเป็นทะเบียนที่มีอายุมากกว่า 10 ปี เช่น มช, มง เป็นต้น โดยรถที่มีอายุเกิน 7 ปี จะต้องตรวจสภาพรถทุก 4 เดือน และหากรถเกิน 12 ปี ถือว่าเป็นรถยนต์ที่หมดอายุแล้ว และจากการลงพื้นที่ตรวจจะเจอผู้ที่นำรถหมดอายุมาขับเกือบทุกครั้ง เจอเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะขับรับผู้โดยสารแถวชานเมือง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกยังตรวจพบรถแท็กซี่ป้ายแดงที่นำมาขับให้บริการประชาชนอีก 2 คัน โดยปรับเป็นเงิน 500 บาท เนื่องจากยังไม่นำรถไปขึ้นทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยแล้ว จะไม่สามารถตรวจสอบประวัติของผู้ที่ขับรถได้ และยังตรวจพบรถแท็กซี่ที่ไม่พ่นหมายเลขที่เบียนด้านข้างรถ จึงปรับไปไม่เกิน 1,000 บาท และได้ตักเตือนในเรื่องแต่งกายไม่สุภาพด้วย
สำหรับการตรวจรถโดยสารสาธารณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) จะมีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกลงตรวจทุกวัน หากประชาชนพบผู้กระทำผิด สามารถร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งหรือเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ประจำจุดบริเวณหน้าเสาธงของสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือติดต่อหมายเลข 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนางสาววันวิสา ผู้ใช้บริการรถบริษัท ขนส่ง (บขส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้จะเดินทางกลับบ้านที่เชียงใหม่ เพื่อไปทำงาน ในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน จึงลงมาหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ สำหรับการใช้บริการวันนี้ก็รู้สึกดี เนื่องจากมีคนน้อย ไม่แออัด สำหรับการเดินทาง จะใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมง นั่งรถแบบ บขส. ป. 2 ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายมาก เพราะตอนเดินทางมากรุงเทพฯ นั่งเครื่องบินมาลงดอนเมือง แบบไม่ได้จองล่วงหน้า จึงเสียค่าตั๋วเป็นเงิน 1,700 บาท แต่นั่งรถบขส. เสียค่ารถประมาณ 700 บาทเท่านั้น
นางสาววันวิสา ยังบอกอีกว่า ในอดีตมาทำงานที่กรุงเทพฯ และจะเดินทางกลับบ้านที่เชียงใหม่ทุกช่วงเทศกาล ใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการใช้บริการในรอบ 2 ปีเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ย้ายไปทำงานเชียงใหม่ก็ไม่ได้ลงมากรุงเทพฯ แล้ว สำหรับความเปลี่ยนแปลงของการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ รู้สึกว่าเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรแปลกไป เพราะเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว จะเดินออกไปขึ้นรถด้านนอกสถานีขนส่งฯ เนื่องจากไม่ชอบรอคิวนาน
ขณะที่บรรยากาศที่สถานีขนส่งฯ เวลานี้ ทีรถแท็กซี่เข้ามาส่งผู้โดยสารภายในสถานีเรื่อยๆ
..
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข