กระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักรเตือนพลเมืองหลีกเลี่ยงการไปตามสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านรอบกรุงอังการาและนครอิสตันบูล ของตุรกีหลังเกิดความพยายามก่อกบฏขึ้น และมีการออกมาชุมนุมปกป้องประชาธิปไตยตามท้องถนนเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีประชาชนจากสหราชอาณาจักรราว 50,000 คนเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในตุรกี และได้รับผลกระทบจากการที่สายการบินบริติช แอร์เวย์ ประกาศระงับการเดินทางไปยังตุรกีทุกเที่ยวบิน ส่งผลให้นักเรียนจากเมืองซัตตัน โคลด์ฟิลด์ 41 คนต้องตกค้างอยู่ที่สนามบินในอิสตันบูล
ด้านนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีการต่างประเทศคนใหม่ของสหราชอาณาจักร ระบุว่าสหราชอาณาจักรยังคงสนับสนุนประชาธิปไตยในตุรกี พร้อมทั้งเตรียมนำประเด็นเหตุการณ์ความพยายามก่อกบฎในตุรกีวานนี้เข้าหารือกับนางเฟเดอริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงงานนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงประจำสหภาพยุโรป หรืออียูในค่ำวันนี้ และจะเข้าร่วมการประชุมสภากิจการต่างประเทศอียู ซึ่งคาดว่าที่ประชุมในวันจันทร์นี้จะหารือกันในประเด็นตุรกี การก่อการร้ายในเมืองนีซของฝรั่งเศส และการที่สหราชอาณาจักรออกจากสมาชิกภาพอียู ท่ามกลางความวิตกว่า ผู้นำตุรกีจะใช้โอกาสจากเหตุความพยายามก่อกบฎเป็นข้ออ้างในการเปลี่ยนแปลงระบบการเมือง และเพิ่มอำนาจแก่ตัวเอง ขณะที่ประชาคมโลกก็วิตกว่าสถานการณ์ความวุ่นวายในตุรกีจะเป็นการสั่นคลอนเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ตุรกีมีความสำคัญต่ออียู เนื่องจากได้รับเป็นแหล่งพักพิงแก่ผู้อพยพจากซีเรียและประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ยุโรป นอกจากนั้นตุรกียังมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางระหว่างตะวันออกกลางกับยุโรป รวมทั้งเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแห่งแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ ซึ่งให้กองทัพสหรัฐฯ ตั้งฐานทัพในดินแดนของตนเพื่อภารกิจการขับไล่กลุ่มกบฏในซีเรียด้วย
..
**8.08F174**