การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) แถลงผลการจับกุม นายอนุภาพ ปั้นคุ้ม ชาว จ.ลพบุรี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า รวมประมาณ 165,400 เม็ด กระเป๋าสะพายสีดำ และกระเป๋าเดินทางแบบหิ้ว รวม 2 ใบ ตะกร้าหวาย แบบมีหูร้อยเชือก จำนวน 1 ใบ และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
เนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายอนุภาพ เป็นเครือข่ายผู้ต้องหาเรือนจำเขาบิน และอยู่ระหว่างประกันตัวออกมาจากเรือนจำลพบุรี ซึ่งยังมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ ในเขตพื้นที่ จ.ลพบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง จึงให้สายลับ และเจ้าหน้าที่อำพราง ติดต่อล่อซื้อยาบ้าจากนายอนุภาพจนกระทั่งวันที่14 กรกฎาคม นายอนุภาพ ได้นำยาบ้า จำนวน1,400 เม็ด มาส่งมอบจึงถูกจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผล เข้าตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้าอีกจำนวน 58 มัด ประมาณ 164,000 เม็ด ซุกซ่อนในบ่อเกรอะของบ้านพักดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นของกลาง
ส่วนอีกคดีตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยังสามารถจับกุมแก๊งที่แฝงตัวเป็นไกด์นำเที่ยวและจำหน่ายยาเสพติด ได้แก่ นายนภัสกร เพียงแร่ ชาว จ.เชียงใหม่ นายวิชัย เว่ยซือกู่ นายสนั่น ปรีดีประเสริฐศรี นายสมพันธ์ ลองใจคำ นางผอง ลองใจคำ และ นางลอน ใจวรรณ ชาว จ.เชียงราย โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรมย่านห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก พร้อมของกลาง ไอซ์ รวมหนักประมาณ 10 กิโลกรัม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 9 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ รวม 7 เล่ม และรถกระบะ จำนวน 1 คัน
เนื่องจาก ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายนภัสกร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวเขา พื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และมีไอซ์ต้องการขาย จึงให้สายลับติดต่อ แล้วนำเจ้าหน้าที่ตำรวจอำพรางเข้าติดต่อล่อซื้อ ไอซ์ จำนวน 10 กิโลกรัม จนกระทั่งวันที่ 15 กรกฎาคม นายนภัสกร นำไอซ์ของกลาง มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่จึงถูกจับกุมตัว และสามารถจับนายวิชัยที่รอรับเงินค่ายาเสพติด ภายในห้องพักโรงแรมที่เปิดไว้รอรับเงิน จากนั้น นายสนั่นให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขยายผลไปจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ นายสมพันธ์ นางผองและนางลอน เจ้าของยาไอซ์ของกลาง ขณะรอรับโอนเงินค่าไอซ์ ที่บ้านพัก หมู่ที่ 3 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย
ตำรวจจึงแจ้งกล่าวข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมาย พล.ต.ท.เรวัช กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติด ว่า ในส่วนสารตั้งต้นที่นำมาผลิต ยังมีช่องโหว่ของการลำเลียง ความเข้มงวดของบางประเทศไม่เท่าเทียมกัน สำหรับประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องริมฝั่งโขง ซึ่งใกล้กับผู้ผลิตยาบ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ได้สั่งกำชับให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ซึ่งไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะสามารถสั่งการให้ทำลายโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านได้เพราะจะส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้พล.ต.ท.เรวัต ยังได้เสนอแนวคิดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดผู้ต้องขัง ที่ต้องโทษคดีเสพยาเสพติดให้ได้รับการบำบัดพร้อมทั้งยืนยันว่า ยาเสพติดยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งผู้เสพผู้ขายและผู้ผลิต ซึ่งจะต้องรับโทษและยังมีการยึดทรัพย์อยู่อีกด้วย
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี