สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าเหตุการณ์ความพยายามก่อรัฐประหารในตุรกี จนนำไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างทหารที่พยายามก่อรัฐประหารกับประชาชนที่สนับสนุนประธานาธิบดีเรเซบ เตย์ยิป เออร์โดแกน ผู้นำตุรกี สถานการณ์ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ศพ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ยังมีนายทหารระดับนายพลที่ร่วมก่อรัฐประหารเสียชีวิต 1 นายด้วย ขณะเดียวกัน ตำรวจตุรกีสามารถจับกุมตัวทหารที่ก่อเหตุเพิ่มขึ้นเป็น 130 นาย รวมทั้งนายทหารระดับสูงหลายนายที่อยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหาร และ 13 นายที่พยายามฝ่าเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี
ส่วนสนามบินอตาเติร์กในนครอิสตันบูล ขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของทหารฝ่ายรัฐบาลแล้ว และคาดว่าจะสามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในอีกไม่นานนี้
ขณะที่อาคารรัฐสภา ยังคงถูกระเบิดโจมตีอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางรายงานว่าบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ประธานาธิบดีตุรกี ให้คำมั่นว่าหลังจากนี้จะจัดการสะสางปัญหาในกองทัพเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะระบุว่าผู้นำการก่อเหตุรัฐประหารเป็นผู้ก่อการร้าย
ประธานาธิบดีตุรกี ยืนยันจะไม่ประนีประนอมกับกลุ่มทหารที่ก่อกบฎ และประกาศพร้อมตายเพื่อปกป้องประเทศ คำกล่าวของนายเออร์โดแกน มีขึ้นที่สนามบินอิสตันบูล หลังเดินทางกลับมาจากเมืองตากอากาศมาร์มาริส ทางตอนใต้ของตุรกี ซึ่งผู้นำตุรกี เปิดเผยว่า หลังจากที่เขาเดินทางออกจากโรงแรมได้ไม่นาน ก็มีรายงานการเกิดระเบิดขึ้นที่โรงแรมดังกล่าว
ด้านรองนายกรัฐมนตรีเมห์เม็ท ซิมเซก เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลตุรกีสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้แล้ว หลังจากความพยายามในการรัฐประหารล้มเหลว โดยตำรวจสามารถเข้าจับกุมทหารที่ก่อเหตุเกือบทั้งหมดไว้ได้ รวมทั้งมีการยิงเครื่องบินทหารของกลุ่มกบฏตกด้วย
สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในตุรกี สามารถกลับมารายงานข่าวได้อีกครั้งแล้ว ทหาร 15 นายบุกเข้าอาคารสำนักข่าวและบังคับให้นักข่าวทุกคนออกนอกตัวอาคาร ขณะเดียวกัน มีภาพบรรยากาศการปะทะกันระหว่างประชาชนกับทหารบริเวณสะพานบอสโฟรุส ถูกเผยแพร่ในทวิตเตอร์ และปรากฏว่ามีพลเรือน 5 คนถูกอาวุธสงครามยิง
ทีมต่างประเทศ
CR:theguardian