องคมนตรี ประชุมแผนแม่บทโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ6แห่ง

การจัดทำแผนแม่บทโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2560– 2564 โดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ สำนักงาน กปร. มีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา พร้อมด้วยหม่อมหลวง จิรพันธุ์ ทวีวงศ์ เลขาธิการ สำนักงาน  กปร. ผู้บริหารสำนักงาน กปร. ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม 

นายอำพล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการวางแผน ขยายผลงานของศูนย์ศึกษาพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง ที่เน้นขยายผลด้านการวิจัยถ่ายทอดออกไปให้ประชาชนหรือเกษตรกรในท้องถิ่นสามารถนำไปปฏิบัติได้ ทั้งด้าน อาชีพ อาหาร โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเวลากว่า 38 ปี ของการก่อตั้งศูนย์ ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 ศูนย์ ในภูมิภาคต่างๆ โดยดำเนินงานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ แม้ศูนย์ศึกษาพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 ศูนย์ ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งประเทศ แต่ก็ได้ดำเนินการอย่างดีที่สุด 

ด้านนายประสาน พาศิริ รองเลขาธิการสำนีกงาน กปร. กล่าวว่า แผนแม่บทโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2560 – 2564 ถือเป็นแผนหลัก ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 ศูนย์ ที่มีภาระกิจหลักแตกต่างกันไป ตามปัญหาของแต่ละพื้นที่ โดยการประชุมในวันนี้ จะมีการระดมความคิดเห็นจากผู้ร่วมสัมมนาถึงแผนแม่บทศูนย์การพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และร่วมพิจารณาในประเด็นหลัก ได้แก่ เรื่องการศึกษาวิจัย การขยายผล การบริหารในแต่ละศูนย์

ในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมสัมมนา จะได้ร่วมอภิปราย เสนอแนะให้ข้อคิดเห็น แบ่งเป็น กลุ่ม 3 กลุ่ม ตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทฯ พ.ศ. 2560 - 2564ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนา ยุทธศาสตร์การขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการองค์กร หลังจากสรุปผลการประชุมทั้ง 3 กลุ่มแล้ว สำนักงาน กปร. จะนำข้อเสนอแนะและแนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ไปรวบรวมประมวลและจัดทำเป็นแผนแม่บทโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. 2560-2564 เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป

ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม