ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.
+++ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ในกรณีกล่าวในเวทีมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่นประจำปี 2559 ว่าจะเขียนร่างรัฐธรรมนูญเองหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติว่า สื่อมาจับประเด็นกระจ๊อกกระแจ๊กอย่างนี้มา แล้วตนเองเขียนเองได้หรือไม่ หน้าที่ใครคนเขียน ที่ผ่านมามีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ใช่ไหม สื่อจะไปขยายความทำไม ในช่วงท้ายการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรารภถึงการทำประชามติว่า ไม่ว่าประชามติจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน จะดำเนินงานตามโรดแมปที่วางไว้ต่อไป นายกฯ ยังได้ปรารภว่าได้ยินได้ฟังมาจากหลายๆ ที่ พูดจาลักษณะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ว่าคืออยากให้ คสช.อยู่นานๆ ไม่รับดีกว่า ซึ่งนายกฯ บอกว่าจะรับหรือไม่รับไม่ว่ากัน อยากให้คำนึงถึงคุณค่ารัฐธรรมนูญมากกว่าปัจจัยอื่น
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงแนวทางรองรับหากการทำประชามติไม่ผ่านว่า ยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่มีความคิดแล้ว คงไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพื่อไม่ให้เสียสมาธิต้องมากังวล
นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีการพิจารณาเอกสาร 7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ที่มีเนื้อหาบิดเบือนว่า ต้องให้ กกต.เป็นผู้เอาผิดเพราะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ กรธ.คงไม่เข้าไปก้าวก่าย ส่วนปัญหาการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันจากการลงพื้นที่ในทุกภาคของ กรธ.ยังไม่พบปัญหาหรือความวุ่นวาย นอกจากจังหวัดเชียงใหม่แห่งเดียว
พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้ลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.ว่า กอ.รมน.ได้รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเชื่อมั่นว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมาก เพราะทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำไม่ใช่แค่ กอ.รมน.เท่านั้น ในการประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบตามที่ มท.เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม 258 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ของวิทยากรระดับพื้นที่หมู่บ้านและชุมชน (ครู ค.) จากเดิมลงพื้นที่ 1 ครั้ง ให้เพิ่มอีก 4 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง ซึ่งจะทำให้ครู ค.ได้รับเงินรวมคนละ 1,000 บาท จากเดิม 200 บาท
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) หลายคนที่พร้อมใจกันโพสต์เฟซบุ๊กและขึ้นอินโฟกราฟิกแสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นให้ ส.ว. 250 คนร่วมโหวตเลือกนายก
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวว่า หน่วยข่าวรายงานสถานการณ์ประชามติ ยังไม่พบความเคลื่อนไหวเพื่อล้มประชามติ มีเพียงพวกเห็นต่าง กกต.สั่งเร่งประชาสัมพันธ์ นายศุภชัย ยังกล่าวถึงกรณีเอกสารความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าเขียนผิดจากร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นการบิดเบือน แต่การเห็นแย้งคือเขาไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนคำวินิจฉัยของศาลที่มีคำเห็นแย้ง ถือเป็นการแสดงความเห็น แต่ต้องไม่มีการบิดเบือน กรณีที่ กรธ.จะหารือกับ กกต.นั้น ไม่ได้มีการส่งหนังสือเชิญมาอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการประสานผ่านฝ่ายเลขานุการนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ซึ่งนายศุภชัยเห็นว่าถ้าจะมีการเชิญเป็นทางการ ควรจะทำหนังสือเชิญมา ซึ่งนายสมชัยจึงขอเป็นตัวแทนในการหารือดังกล่าว
+++ไฟประดับลานคนเมือง กทม.พ่นพิษ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือมายังกระทรวงมหาดไทยกรณีผู้ว่าฯ กทม.และผู้เกี่ยวข้อง ที่ส่อว่ามีพฤติกรรมทุจริตในการ จัดซื้อจัดจ้างอุโมงค์ไฟประดับ 39.5 ล้านบาท ว่า สตง.ได้แจ้งมา 2-3 ข้อให้ตรวจสอบตาม ข้อเท็จจริง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกับเจ้าหน้าที่เพื่อหาข้อเท็จจริง และให้นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย แจ้งความดำเนินคดีฟ้องแพ่งผู้ว่าฯ กทม.และดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ สตง.แจ้งมา อย่างไรก็ตามมหาดไทยไม่มีหน้าที่ในการปลดตำแหน่งใคร ต้องให้มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและรอให้คดีเสร็จสิ้นก่อน
+++โดย กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการประดับไฟส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ของ กทม. เมื่อวันที่ 1 ก.ค. โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน และกรรมการประกอบด้วยฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่รวม 5 คน โดยต้องสอบให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลา 90 วัน ส่วนการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ กทม.ในฐานะเป็นส่วนราชการที่เป็นผู้เสียหายไป แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว กรณีดังกล่าว สตง.ได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการใน 3 ข้อคือ 1.แจ้งความดำเนินคดีอาญา 2.หาผู้รับผิดทางละเมิด และ 3.หาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
+++ ด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. เปิดเผยว่า ได้เตรียมการเสนอให้ ศอตช. ใช้อำนาจตามกฎหมาย มาตรา 44 พักราชการของผู้ว่าฯกทม. ไว้เนื่องจาก กทม.ต้องเป็นผู้ฟ้องร้องค่าเสียหาย รวมถึงการเอาผิดทางอาญาและทางวินัยผู้เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว หากผู้ว่าฯกทม. ยังคงปฏิบัติงานอาจส่งผลต่อการดำเนินคดีต่าง ๆ ได้ ส่วนกรณีการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กนั้นโครงการดังกล่าว สตง.ได้ทำหนังสือถึง กทม. แจ้งเตือนในการดำเนินโครงการไปแล้ว 2 ครั้งว่ารถดับเพลิงดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการในระยะที่ 2 กทม.มีการชะลอโครงการแต่โครงการจัดซื้อในระยะที่ 1 นั้น กทม.ไม่มีการทบทวนและดำเนินการจัดซื้อรถดับเพลิงดังกล่าวไป
+++ในช่วงเย็นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจโครงการแก้มลิงบึงหนองบอน เขตประเวศ โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ภายหลังการตรวจพื้นที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าขณะนี้มีการตรวจสอบโครงการของ กทม. ในหลาย ๆ โครงการ หากพบว่ามีการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนของโครงการไฟประดับที่ กทม. ดำเนินการก็อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องไฟประดับยังมีขั้นตอนตามกฎหมายมติของ สตง.ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ต้องรอผลการพิจารณาให้เป็นที่สิ้นสุดก่อน เรื่องดังกล่าวตนไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง เพราะเรื่องทุกอย่างจะต้องมีกฎหมายรองรับ แต่ห่วงลูกน้อง ซึ่งก็คือข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้องได้สั่งการให้ทีมกฎหมายของตนช่วยเหลือดูแลข้าราชการประจำอย่างเต็มที่ เหลือเวลาการทำงานอีกไม่นานก็จะหมดวาระซึ่งยังคงเหลืองานอีกหลาย ๆ ด้านที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อประชาชน สิ่งที่ต้องทำให้เสร็จก่อนสิ้นวาระ คือ โครงการอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อที่จะเปิดใช้งานในวันที่ 1 มี.ค. ปีหน้าโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวไปสมุทรปราการที่จะเปิดให้บริการประชาชนในเดือน มี.ค.ปีหน้าเช่นกัน และ โครงการหอสมุดเมืองที่ต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในปลายปี 59 นี้ และมีโครงการอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องทำเพื่อประชาชน จึงมากังวลเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ และเตรียมฟ้องกลับสตง.แน่นอน
+++ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดตามศาลชั้นต้น คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการอาวุโส (อัยการ สูงสุดขณะนั้น) นายชุติชัย สาขากร รองอัยการสูงสุด (อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษขณะนั้น) นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน คณะทำงานพิจารณาคดีโครงการจำนำข้าว มีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ คดีโครงการจำนำข้าว ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ร่วมกันกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นอำนาจที่สามารถกระทำได้ของอัยการสูงสุดกับพวก และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
+++วันนี้ต้องติดตาม การจัดระเบียนจักรยานยนต์รับจ้าง ปรากฏว่า เมื่อคืนนี้ วิน จยย.สุขุมวิท 81 นับ 30 คน แจ้งความที่ สน.พระโขนง โดนผู้มีอิทธิพลข่มขู่ จ่ายให้แล้วเดือนละ 7,000 แถมปล่อยกู้ดอกโหดร้อยละ 20 พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผบ.ม.1 รอ. ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ทหารเข้าตรวจค้นในบ้านพักผู้มีอิทธิพล หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลปล่อยเงินกู้นอกระบบ ขัดคำสั่ง คสช. ยึดทรัพย์สินได้หลายรายการและดำเนินคดี ก่อนได้ประกันตัว แต่งยังคงมีพฤติกรรมข่มขู่กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างห้ามเข้าแจ้งความ และห้ามเป็นพยานให้กับตำรวจ ทำให้กลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้างต้องเข้าแจ้งความอีกครั้ง พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ส่วนการดำเนินคดี ได้สอบปากคำพร้อมรวบรวมหลักฐาน หากครบองค์ประกอบความผิดก็เรียกผู้ต้องหามาสอบสวนแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับวินจักรยานยนต์ ส่วนผู้ต้องหาที่มีเคยได้รับการประกันตัวมาแล้ว ตำรวจจะถอนประกัน.