ยิงผู้ช่วยนายอำเภอที่มิชิแกน/นายกฯญี่ปุ่นยอมรับแก้รัฐธรรมนูญไม่ง่าย/ศาลโลกตัดสินพิพาททะเลจีนใต้*

จากเหตุมือปืนซุ่มยิงตำรวจดัลลัส มลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บอีก 7 นายเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บังคับการตำรวจดัลลัสเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ที่พบจากตัวมือปืนและบ้านพัก ทำให้คาดว่า คนร้ายเตรียมการใช้ระเบิดก่อเหตุโจมตีขนาดใหญ่ แต่เปลี่ยนใจหันมาลอบยิงตำรวจเมื่อมีการเดินขบวนประท้วงเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะที่ทางการสหรัฐฯเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ภายหลังมีผู้ถูกจับกุมรวมกว่า 200 คนจากการประท้วงต่อต้านการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการจับกุมบุคคลผู้มีผิวสี

ด้านบาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, และบาฮามาส ต่างออกคำเตือนพลเมืองให้ใช้ความระมัดระวังระหว่างอยู่ในเมืองที่มีการประท้วงในอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดเหตุรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดคือ ผู้ช่วยนายอำเภอ 2 คนถูกยิงเสียชีวิตที่สำนักงานศาลในเซนต์โจเซฟ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมลรัฐมิชิแกน นายพอล ไบลีย์ นายอำเภอเบอร์เรียน เคาน์ตี เปิดเผยว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.25 น.ตามเวลาท้องถิ่น ที่บริเวณชั้น 3 ของอาคารศาล คนร้ายเป็นชายใช้อาวุธปืนยิงผู้ช่วยนายอำเภอทำให้มีผู้ช่วยนายอำเภอเสียชีวิต 2 คนอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต จากนั้นตำรวจมลรัฐมิชิแกน หรือ เอ็มเอสพีเข้ารักษาความปลอดภัยในอาคาร

การเมืองญี่ปุ่น ผลการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ชี้ว่าพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ เสริมให้ฐานการเมืองของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ เข้มแข็งมากขึ้น และมีเสียงในรัฐสภามากพอที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แต่นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงกฎหมายสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย

ส่วนผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มีความเห็นพ้องกันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นการส่งทหารไปเข้าร่วมภารกิจในต่างประเทศ ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพรรคการเมืองแต่ละแห่งจะต้องมีมีมติร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่จะแก้ไข จากนั้นจึงนำเข้าสู่ที่ประชุมของรัฐสภาเพื่อลงมติ สุดท้ายคือการลงประชามติ

ทั้งนี้ จากชัยชนะของฝ่ายรัฐบาล พบว่ายังคงรักษาฐานเสียงกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มอนุรักษ์นิยม ขณะที่คนรุ่นใหม่อายุ 18 - 20 ปี จำนวนมากกว่า 2 ล้าน 4 แสนคน ที่ได้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก็สนับสนุนพรรครัฐบาลเช่นเดียวกัน

ในวันนี้ ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ที่กรุงเฮก จะตัดสินคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนอ้างกรรมสิทธิ์ในบริเวณทะเลจีนใต้  ซึ่งประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตแห่งฟิลิปปินส์ ระบุพร้อมเจรจากับจีนเพื่อยุติความขัดแย้งแทนการทำสงคราม ขณะที่ทางการจีนระบุว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล เนื่องจากไม่มีความชอบธรรม พร้อมยืนยันให้แก้ไขด้วยการเจรจาระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนเท่านั้น ไม่ควรมีมือที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว

และนับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูเตอร์เต ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ด้วยนโยบายทำสงครามกวาดล้างอาชญากรรมอย่างเต็มรูปแบบ ตำรวจฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยไปแล้วมากกว่า 110 คน แต่ยังมีการพบศพอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีการยืนยันว่าเสียชีวิตเพราะถูกวิสามัญฆาตกรรมเช่นกันหรือไม่ ทำให้ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและสมาชิกสภาหลายคนแสดงความวิตกกังวลว่าสงครามกวาดล้างอาชญากรรมกำลังรุนแรงจนเกินควบคุม

อย่างไรก็ตาม นายโฆเซ กาลีดา อัยการสูงสุดฟิลิปปินส์ ยืนยันว่าการวิสามัญฯ ของตำรวจ ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยังสนับสนุนให้สำเร็จโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเพิ่มอีก

ส่วนที่กัมพูชา ญาติของนายแกม เลย์ นักวิเคราะห์การเมืองและหัวหน้ากลุ่มประชาธิปไตยกัมพูชา ไม่เชื่อว่าเขาเสียชีวิตเพราะความขัดแย้งเรื่องเงิน ตามที่มือปืนกล่าวอ้าง โดยเฉพาะการที่คนร้ายเปิดเผยว่าเขาชื่อชุบ แซมแลบ ที่แปลว่า พบเพื่อฆ่า ซึ่งไม่น่าจะมีคนกัมพูชาใช้ชื่อนี้ นอกจากนี้ยังมีการเผยคลิปวิดีโอสารภาพในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ประกอบกับมีข่าวลือว่ากล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุไม่ทำงาน

สำหรับนายชุบ แซมแลบ เป็นชาว จ.บันเตียเมียนเจย อายุ 38 ปี เคยทำงานเป็นเกษตรกรใน จ.สระแก้ว ของไทย เขาอ้างว่านายเลย์ติดหนี้อยู่ประมาณ 1 แสนบาท ผ่านมา 1 ปี แล้วไม่ยอมใช้คืน ทำให้เขาสูญเสียที่ดิน นอกจากนี้ยังอ้างว่าซื้อปืนสั้นไปจากฝั่งไทย แต่คนจำนวนมาก รวมถึงภรรยาและน้องชาย ยืนยันว่า นายเลย์ไม่ได้เป็นหนี้ใคร

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ประณามการลอบสังหารว่า เป็นการกระทำน่ารังเกียจ และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษให้ได้ ขณะขอร้องให้นักการเมืองไม่ควรเบนโศกนาฏกรรมนี้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อปลุกระดมพาประเทศสู่ความวุ่นวาย

นายเกร็ก จอห์นสัน ผู้อำนวยการเบาหวานออสเตรเลีย หน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเบาหวานและ ผู้มีความเสี่ยง เผยว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศกำลังแบกรับภาระโรคเรื้อรังที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณกันว่า ค่าใช้จ่ายในการตัดขาและค่ารักษาโรคเท้าที่เกิดจากเบาหวานในออสเตรเลียตกปีละ 875 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชนทั่วไปประเมินอันตรายของเบาหวานต่ำกว่าความเป็นจริง และไม่รู้ว่า เบาหวานทำให้เกิดแผลเรื้อรังถึงขั้นต้องถูกตัดขา

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดล 51 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ  ปิดในแดนบวก โดยเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้นานกว่า 1 ปี จากแรงหนุนของข้อมูลเศรษฐกิจและอัตราผลตอบแทนระดับต่ำในพันธบัตร ได้ดึงนักลงทุนหันเข้าหาตลาดทุนอเมริกาแทน โดยดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 80.19 จุด หรือร้อยละ 0.44 ปิดที่ 18,226.93 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.26 จุดหรือร้อยละ 0.34 ปิดที่ 2,137.16 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือร้อยละ 0.64 ปิดที่ 4,988.64 จุด

*-*