ศาลอาญาตัดหลักฐานคดีหั่นศพสเปน/สมุทรสาครเร่งปราบปรามค้ามนุษย์/เพิ่มโทษผตห.คดีค่าปาดคอ*

11 กรกฎาคม 2559, 08:11น.


วันนี้ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดตรวจหลักฐานคดี นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ ชาวสเปน ฆ่าหั่นศพเพื่อนชาวสเปน นายเดวิด เบอร์นาต โมรัค เหตุเกิดเมื่อเดือนมกราคม 2559 โดยขณะนี้จำเลยถูกขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ



นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมผู้บริหารสถานีพีซทีวี จะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์หรือ กสท. ที่จะมีการประชุมกรณีสถานีพีซทีวี ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ นอกจากกรณีของพีซทีวีแล้ว ยังมีการพิจารณากรณีของวอยซ์ทีวี (Voice TV) ที่พบการออกอากาศรายการ Tonight Thailand มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ออกอากาศเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ตลอดจนการพิจารณาเนื้อหารายการไม่เหมาะสมอีกรายการ



นายณรงค์ศักดิ์ เฉลิมเกียรติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร แถลงข่าว “การดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์” และมีการปล่อยแถวปราบปราม ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร



ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเดินทางไปยื่นหลักฐานสำคัญ ในคดีการหายตัวไปของ นายสุนทร ขันหิน หรือโก้ คนขับรถของนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ ไก่ ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อปี 2555 โดยพบเบาะแสสำคัญ ว่านายสุนทรอยู่ที่ออสเตรเลีย ตามที่มีหญิงสาวคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นชาวไทยภูเขา สมรสกับชาวต่างชาติที่ออสเตรเลียแล้วส่งภาพบุคคลที่คาดว่าจะเป็นนายสุนทรมาให้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 259 ซึ่งจากสมมุติฐานที่ว่าสาวไทยคนนี้เป็นสาวชาวเขา ก็จะคลี่คลายปมที่ว่านายสุนทรหนีไปต่างประเทศได้



ส่วนการดำเนินคดี พระเทพญาณมหามุนี (ธัมมชโย) ในคดีสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ซึ่งก่อนหน้านี้ พระครูวิจิตรอาภากร เจ้าคณะตำบลคลองสี่ เจ้าอาวาสวัดสว่างภพ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากพระเทพญาณมหามุนี ยังมีอาการอาพาธ จำเป็นต้องรักษาสุขภาพ จึงได้เสนอขอแต่งตั้งพระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อายุ 75 ปี พรรษา 44 วิทยฐานะนักธรรมตรี เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ขณะที่ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต (พระอารามหลวง) ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า คำสั่งแต่งตั้งพระราชภาวนาจารย์ เป็นผู้รักษาการแทนพระเทพญาณมหามุนี มีคำสั่งมา 5 ปี แล้ว ตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากพระเทพญาณมหามุนีได้มีอาการอาพาธ ทางพระครูวิจิตรอาภากร เจ้าคณะตำบลคลองสี่ เพิ่งจะส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี



บ่ายวันนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ จะเดินทางเข้ายื่นอธิกรณ์ตามกฎนิคหกรรมเป็นหนังสือให้ดำเนินอธิกรณ์แก่พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ต่อเจ้าคณะตำบลคลองสี่ วัดสว่างภพ ที่ วัดสว่างภพ หลังจากนั้นจะเดินทางไปยื่นต่อเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ที่ วัดมงคลพุการาม และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่วัดเขียนเขต



ในวันนี้ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ภายในโรงกษาปณ์ทั้งหมด เพื่อหาเบาะแสประกอบการทำคดี กรณีที่เกิดเหตุเหรียญทองคำเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 50 เหรียญ มูลค่ารวม 1 ล้าน 5 แสนบาท หายไปจากเซฟตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม โดยมีผู้ถือกุญแจเพียง 3 คน แต่ทั้ง 3 คนปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้



วันนี้ ยังมีความคืบหน้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งมีการติดตามจับกุมกลุ่มจักรยานยนต์โดยยังมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดถูกนำส่งที่โรงพยาบาลเพชรเกษม 2  ซึ่งพ.ต.ท.ประสงค์ ชำนาญศิลป์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายวัลลภ โคตรปาลี อายุ 17 ปี ด.ช. อัษฎา จันทร์ดาหาร อายุ 14 ปี และ น.ส. เบ็ญจมาศ ใบเขียว อายุ 18 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ชื่อ ส.ต.ต.พิพัฒน์พร เก้าเอี้ยน และ ส.ต.ต.ญาณภัทร ปรีชา สนกุล เป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.เพชรเกษม ซึ่งจากการสอบสวน นายบรรเจิด เที่ยงธรรม อายุ 20 ปี เพื่อนผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงตีสอง ทั้งกลุ่มจำนวนมากกว่า 20 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะกว่า 10 คัน ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับขี่รถจากบ้านพักย่านเพชรเกษมไปทำบุญที่วัดบุคคโล เมื่อไหว้พระกันเสร็จก็ขี่รถกลับ ระหว่างทางผ่านถนนบางแค บริเวณปากซอย 12 เห็นตำรวจสายตรวจ สน.เพชรเกษมพยายามเข้าจับกุม ด้วยความตกใจจึงเร่งเครื่องหนี ส่วนรถจักรยานยนต์ผู้ตายที่มีนายวัลลภเป็นคนขับ นายอัษฎานั่งตรงกลาง และ น.ส. เบ็ญจมาศซ้อนท้ายสุดขับหนีด้วยความเร็วและชนกับรถสายตรวจที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปดักหน้า ทำให้รถผู้ตายเบรกไม่อยู่พุ่งชนกันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว



พ.ต.อ.สุพีรณัฐ สัตตธนชัยภัทร รอง ผบก.น.9 กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว และทราบว่าเป็นอุบัติเหตุจากการปฏิบัติตามยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ แต่หากญาติของผู้เสียชีวิตเห็นว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุก็ให้นำพยานหลักฐานมาประกอบในสำนวนคดีได้ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย



ส่วนคดีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาฆ่าปาดคอหญิงสาวอายุ 26 ปี เหตุเกิดที่จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า จากหลักฐานต่างๆ ที่พบจึงมีการเพิ่มบทลงโทษจากข้อหาที่แจ้งครั้งแรกคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เป็น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ซึ่งมีอัตราโทษที่รุนแรงกว่าถึงขั้นประหารชีวิต แต่ยังมีการรวบรวมคำให้การและพยานหลักฐาน เพื่อให้สำนวนคดีมีความรัดกุมมากที่สุด ปราศจากข้อกังขา โดยนายชาตรีถูกส่งศาลเพื่อฝากขังแล้ว



กรุงเทพมหานคร วันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม “คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร



...

ข่าวทั้งหมด

X