สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับน.ส.ศศินา พิมพ์แพง หรือหนูนา อายุ 18 ปี คนไข้ที่ป่วยเป็นมะเร็งก้อนโตที่หัวไหล่ขวา เดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จากโรงพยาบาลนครพนม โดยมีน.ส.ฐิติมา พิมพ์แพง พี่สาวเดินทางมาด้วย เมื่อเดินทางมาถึงรพ.จุฬาภรณ์ได้นำน.ส.ศศินาเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด จากนั้นศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้เข้ามาดูแลด้วยตัวเอง ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า คนไข้มีก้อนเนื้อที่ไหล่ด้านขวามาประมาณ 1 ปี ในเบื้องต้นมีอาการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดร้อยละ 70 ถือว่าค่อนข้างดี ส่วนแนวทางในการรักษา ตอนนี้คนไข้มีเลือกออก และอาจจะมีการติดเชื้อ โดยจะให้ยาเคมีบำบัดก่อน แล้วดูอาการ หรืออาจจะต้องตัดก้อนเนื้อออกเลยก็เป็นได้ แต่จะต้องตัดไปถึงแขน ทั้งนี้ในเด็กถ้าทำอย่างนั้นคงไม่เหมาะสมนัก เพราะจะต้องเติบโตและใช้ชีวิตต่อไป เราจึงต้องประเมินด้วยการใช้ยาเคมีบำบัดก่อน จนก้อนเนื้อเล็กลง แล้วจึงตัดก้อนเนื้อที่เล็กออกไป
จากที่ได้พูดคุยกับคนไข้ คนไข้ ยังคงเข้มแข็ง และมีอาการดีขึ้น ก้อนเนื้อมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ไม่ค่อยมีแรง พูดได้เป็นปกติ แต่จะเหนื่อย รวมทั้งไข้ซึ่งไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่ คาดว่าใช้เวลารักษาประมาณ 3-4 เดือน พร้อมทำการฟื้นฟูสภาพร่างกายเพื่อให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยตอนนี้ยังไม่เจอการลุกลามไปที่อื่น แต่พบว่าเป็นมะเร็งที่ชื่อว่า อีวิ่งซาร์โคม่า พบไม่ค่อยบ่อยนัก แต่จะพบในเด็ก อาการส่วนใหญ่เป็นก้อน ทั้งนี้ของคนไข้เติบโตเร็วมากในระยะ 3 เดือน มะเร็งชนิดนี้ไม่พบสาเหตุของการเกิด แต่พบว่าเป็นการผิดปกติของยีนส์บางส่วน ไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สำหรับกรณีนี้สามารถตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดได้ดี แต่ต้องระวังอาการแทรกซ้อน
“สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีรับสั่งเป็นห่วงประชาชน ตอนนี้น.ส.ศศินาได้เป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะได้รับการดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายและการเป็นอยู่ทั้งหมด สำหรับญาติก็จะดูแลเรื่องที่พักและอาหารให้ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นห่วงประชาชนอยู่แล้ว”
ด้านน.ส.ฐิติมา พิมพ์แพง อายุ 26 ปี พี่สาว กล่าวว่า เดินทางมาจากรพ.นครพนม ตั้งแต่ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 6 โดยหนูนามีอาการปวดเป็นระยะๆ จากการกระทบกระเทือนบนรถ แต่ก็มีกำลังใจดีมาก และก็รู้สึกดีใจที่ได้เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาโรงมะเร็งโดยเฉพาะ ทำให้รู้สึกอุ่นใจและมีกำลังใจมากขึ้น รู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างมาก ดีใจที่หนูนาได้เป็นคนไข้ในพระอนุเคราะห์ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ครอบครัวเรารู้สึกมีบุญและมีความหวังมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะสามารถอยู่ต่อไปเพียงอีกวันเดียว หรือวินาทีเดียวก็ยังดี ไม่ได้หวังว่าน้องจะหาย แต่หวังว่าน้องจะได้เข้ารับการรักษา ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย โดยแพทย์เจ้าของไข้ที่ รพ.นครพนม บอกว่า น้องมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ซึ่งน้องก็บอกว่าได้แค่ไหนแค่นั้น น้องมีกำลังใจที่ดีโดยขณะนี้ มียอดบริจาคตอนนี้ประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้นำไปใช้จ่ายใดๆ จะเก็บไว้ใช้จ่ายในเวลาที่จำเป็น