หลังเกิดเหตุการณ์ที่นักศึกษาสาว อายุ 20 ปี ถูกข่มขืนและชิงแหวนทองคำหนัก 1 สลึง ภายในห้องน้ำสาธารณะ ซ.สรรพาวุธ 1 ถ.บางนา-ตราด แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 มิ.ย. และเมื่อเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กรุงเทพมหานคร ได้เข้ามาตรวจสอบห้องน้ำดังกล่าว พบว่าห้องน้ำแห่งนี้อยู่ในอาคารพาณิชย์ ที่บริเวณชั้น 2 ขึ้นไป ถูกดัดแปลงอาคารผิดประเภท เป็นหอพัก เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง จึงได้ทำการปิดประกาศห้ามใช้อาคาร และทำการรื้อถอนภายใน 30 วัน
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่าอาคารแห่งนี้เป็นอาคาร 4 ชั้น แต่ถูกดัดแปลง ต่อเติมเพิ่ม เป็น 5 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านขายอาหารสัตว์ และมีทางเดิน กว้างประมาณครึ่งเมตร ให้เดินเข้าไปใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นทางเดินที่ลึกพอสมควร ด้านในเป็นประตูเหล็กสำหรับหยอดเหรียญ โดยขณะนี้ได้มีการประกาศปิดใช้บริการห้องน้ำชั่วคราวแล้ว
ส่วนด้านหน้าอาคารพาณิชย์แห่งนี้ เป็นวินรถตู้โดยสารสาธารณะ ด้านซ้ายของอาคารเป็นร้านอาหารตามสั่งจำนวนมาก ส่วนด้านขวา จะเป็นตลาดสี่แยกบางนา มีประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและผ่านไปมาสำหรับความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุม นายเอกพล แซ่เตียว อายุ 31 ปี ได้ที่บริเวณท้องสนามหลวง และขณะนี้กำลังสอบปากคำอยู่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และภายหลังจากสอบปากคำเสร็จเรียบร้อยจะนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ
รายงานข่าว ระบุว่านายเอกพล เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบบ้านพัก ไม่พบญาติของนายเอกพลแต่อย่างใด จากการสอบสวน พบว่านายเอกพล เป็นบุคคลเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยใช้ชีวิตลักษณะดังกล่าวมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จับกุมตัวนายเอกพล ได้ที่สนามหลวง พร้อมกับนำตัวมาสอบสวนที่ กก.สส.บก.น.5 โดยมี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.ร่วมสอบสวน จากนั้นจะนำผู้ต้องหามาที่ สน.บางนา ก่อนจะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ได้เดินทางไปขออนุมัติหมายจับนายเอกพล แซ่เตียว อายุ 31 ปี จากศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ 418/2559 ลงวันที่ 4 ก.ค. 2559 ในข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นและชิงทรัพย์"