*น้ำไหลเข้าเขื่อนลำตะคองเพิ่มขึ้น/กรธ.หาต้นตอคนปล่อยเอกสารร่างรธน.ปลอม/กฤษฎีกาประชุมลงมติแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช*

07 กรกฎาคม 2559, 12:50น.


+++นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยถึง สถานการณ์ปริมาณน้ำภายในเขื่อนลำตะคอง ภายหลังจากในพื้นที่เหนือเขื่อนเริ่มมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนลำตะคองมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนกว่า 8 แสนลูกบาศก์เมตร ล่าสุดทำให้เขื่อนลำตะคองมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 63.196 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุการกักเก็บ 314.49 ลูกบาศก์เมตร แต่มีปริมาณน้ำที่สามารถใช้การได้อยู่ที่ 40.476 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 13  ซึ่งปริมาณฝนที่ตกลงมาทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ก็ส่งผลให้ในพื้นที่ท้ายเขื่อนลำตะคอง ตามแหล่งน้ำและตามลำน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำหลากจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ทางเขื่อนลำตะคอง ต้องทำการปิดประตูระบายน้ำที่ระบายลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน เนื่องจากจะต้องรักษาสมดลปริมาณน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อน อีกทั้งก็เพื่อรักษาปริมาณน้ำกักเก็บภายในเขื่อนเช่นเดียวกัน 



+++เขื่อนลำตะคอง ประสานไปยังการประปาในพื้นที่ท้ายเขื่อนลำตะคอง ทั้ง 5 อำเภอ ประกอบด้วย สีคิ้ว , สูงเนิน , ขามทะเลสอ , เมืองนครราชสีมาและอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จำนวนกว่า 80 แห่ง ให้สูบน้ำหลากจากปริมาณฝนที่ตกลงมาตามลำน้ำเข้าแหล่งกักเก็บ เพื่อไว้ใช้ในการผลิตน้ำอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง ขณะเดียวกันทางเขื่อนลำตะคองจะทำการประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อน หากพบว่าปริมาณน้ำหลากจากฝนตกเริ่มมีปริมาณน้ำที่ลดลงทางเขื่อนลำตะคอง ก็จะทำการจัดส่งน้ำออกไปช่วยเหลือในการอุปโภคบริโภคดังเดิม



+++นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง กรณีที่นายอมร วานิชวิวัฒน์ โฆษกกรธ.ระบุว่ามีการเดินสายให้ข้อมูลร่างรัฐธรรมนูญที่บิดเบือนต่อชาวบ้านว่า นายอมร ไป จ.เชียงใหม่ และมีเด็กทำเอกสารเหมือนเอกสารการประชุมของ กรธ. แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่ ตอนนี้กำลังให้รวบรวมเพื่อดูเนื้อหาว่าเป็นอย่างไร หากเป็นเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นการบิดเบือนหรือข้อมูลเท็จ ก็ต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดู เท่าที่ฟังจากนายอมร พบว่าเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับชุดที่จะมีคนเอาไปแจกที่ศูนย์ราชการ แสดงว่ามีการพิมพ์เอาไว้เยอะมาก ดังนั้นอาจจะต้องคุยกับ กกต. และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่ามีการแพร่หลายไปขนาดไหน จะสาวถึงต้นตอได้อย่างไร แต่ก็ต้องดูรายละเอียดในเอกสารจริงๆ เขาควรทำหน้าปกของตัวเอง ไม่ควรหลอกประชาชนอย่างนี้



+++คณะกรรมการกฤษฎีกา นัดประชุมกันนัดสุดท้ายเพื่อลงมติชี้ขาดการตีความมาตรา 7 ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2535 เรื่องขั้นตอนการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเมื่อมีการลงมติเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็จะมีการเรียบเรียงความเห็นทำเป็นหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกาออกมาอย่างเป็นทางการว่า มีความเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชอย่างไรจากนั้นก็จะส่งหนังสือดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี รวมทั้งแจ้งผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย คือนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย คาดว่าจะส่งผลการตีความได้ภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า



+++นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่พิจารณามาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ในวันนี้ จะไม่มีการแถลงใดๆ ทั้งสิ้น จะเปิดเผยได้เมื่อหน่วยงานต้นสังกัดที่ส่งเรื่องมาเป็นคนเปิดเผยเอง ทุกอย่างถือเป็นความลับ ต้องไปตามเรื่องที่รัฐบาลเองว่าจะยอมพูดหรือไม่



+++หลังจากศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ระบุว่า จะมีคำตัดสินคดีทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นเรื่องต่อคณะอนุญาโตตุลาการกลางในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2556 ให้มีการวินิจฉัยความขัดแย้งเรื่องทะเลจีนใต้กับรัฐบาลจีนใน 15 ข้อ ที่รวมถึงการเรียกร้องให้มีการประกาศให้ แผนที่เส้นประ 9 เส้น ที่จีนใช้เป็นหลักฐานอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ เป็นโมฆะ  ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการกลางมีมติว่ามีอำนาจชอบธรรม ในการพิจารณาข้อกล่าวหาของรัฐบาลฟิลิปปินส์ 7 ข้อ จาก 15 ข้อ 



+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวว่านายหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน สนทนาทางโทรศัพท์กับนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่ารัฐบาลจีน ไม่มีทางยอมรับมติของคณะอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮก ที่มีกำหนดประกาศคำวินิจฉัยเรื่องทะเลจีนใต้ในวันที่ 12 ก.ค.  เนื่องจากเป็นองค์กร เสมือนศาล ที่ไม่มีอำนาจผูกพันโดยตรงตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการพิพากษา ความขัดแย้งเรื่องดินแดนและอาณาเขตระหว่างสองรัฐ นายหวัง ยังเรียกร้องให้นายแคร์รียึดมั่นในพันธสัญญาที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯเป็นกลาง ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะในด้านการกระทำหรือคำพูด พร้อมทั้งเตือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ควรเคลื่อนไหวในรูปแบบใดก็ตาม ที่จะเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน



+++ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันเพียงว่า มีการสนทนาทางโทรศัพท์ในประเด็นทะเลจีนใต้ระหว่างนายแคร์รีกับนายหวังจริง แต่ปฏิเสธลงลึกในรายละเอียด



 



 

ข่าวทั้งหมด

X