*อดีตนายกฯอังกฤษ ย้ำหนุนส่งทหารร่วมรบอิรัก เพื่อส่วนรวม*

ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ของสหราชอาณาจักรว่า หลังถูกวิจารณ์จากคณะกรรมการไต่สวนเรื่องบทบาทของสหราชอาณาจักรในสงครามอิรัก นายแบลร์ ผู้นำสหราชอาณาจักรในช่วงนั้นกล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่าการโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนของอิรักเมื่อ 13 ปีก่อนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพิ่มเติมว่าเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมกับสหรัฐฯและพันธมิตรเพื่อบุกอิรัก เขามองเรื่องนี้ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งของลัทธิก่อการร้ายที่ขยายวงกว้างต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ไมว่าในตะวันออกกลางหรือที่อื่นๆทั่วโลก อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรกล่าวว่าเขาทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์และเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการไต่สวนเรื่องบทบาทของสหราชอาณาจักรในสงครามอิรัก ที่มีนายจอห์น ชิลคอต เป็นประธานคณะทำงาน ใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้ 7 ปี กล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารในอิรักอาจจะมีความจำเป็นอยู่บ้างในบางช่วงบางเวลา แต่ในช่วงเดือนมีนาคม 2546 หรือช่วงที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและพันธมิตรตัดสินใจบุกอิรักนั้น ไม่พบว่ามีภัยคุกคามใดๆจากประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักในขณะนั้น ระบุว่าการตัดสินใจของนายแบลร์ที่จะบุกอิรักในครั้งนั้นเป็นเพราะต้องการจะรักษาสัมพันธ์ภาพที่ดีกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติและดุลยพินิจระหว่างประเทศทั้งสองที่อาจจะต้องแตกต่างในบางเรื่องที่สำคัญๆ ด้านโครงการนับศพชาวอิรักขององค์กรอิสระจากอังกฤษระบุว่ามีคนเสียชีวิตกว่า 250,000 ศพจากเหตุรุนแรงระหว่างการบุกอิรักนับแต่ปีพ.ศ.2546 ขณะเดียวกันพลเมืองอิรักอีกหลายล้านคนไร้ที่อยู่อาศัยผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 15 คน