++เฮลิคอปเตอร์ S-70 ซิกอร์สกี กองทัพตุรกีลำหนึ่งซึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 15 คน ในนั้นรวมถึงบุคลากรทางทหาระดับสูง ประสบอุบัติเหตุทางตะวันออกเฉียงเหนือของตุรกี ในแถบทะเลดำ ตอนเวลาประมาณ 17.30น.(ตรงกับเมืองไทย 21.30น. มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ รายงานของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เติร์ก ระบุว่า นายบินาลี ยิลดิริม นายกฯ ตุรกี เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เติร์ก ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นบนพื้นที่ภูเขาของจังหวัดกีเรสซุน และน่าจะมีสาเหตุเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย เนื่องจาก มีหมอกหนาปกคลุม แหล่งข่าวของกองทัพเผยว่าในบรรดาผู้โดยสาร 15 คนบนเครื่อง แบ่งเป็นบุคลากรทางทหาร 8 นาย ส่วนที่เหลือเป็นญาติๆ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครบ้าง
+++สำนักข่าวโดกันนิวส์ รายงานว่า ผู้โดยสารที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ กำลังบินไปอวยพรกำลังพลและครอบครัวในวาระสิ้นสุดเทศกาลรอมฎอนของมุสลิม ทีมกู้ภัยและรถฉุกเฉิน เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ
+++เหตุรุนแรงในซาอุดิอาระเบีย ในช่วงที่ใกล้สิ้นสุดเทศกาลเดือนถือศีลอด หรือรอมฎอน เกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายใกล้มัสยิดแห่งหนึ่ง ในเมืองเมดินา อันเป็นสถานที่ฝังพระศพ พระศาสดาโมฮัมหมัด พระศาสดาของศาสนาอิสลาม และเมืองเมดินา เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์อันดับ 2 ของศาสนาอิสลามรองจากนครเมกกะ นอกจากจะทำให้มือระเบิดเสียชีวิตแล้ว ยังทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 5 คน
+++สรุปแล้วในช่วงใกล้สิ้นสุดเทศกาลรอมฎอน กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) เปิดการโจมตีในซาอุดีอาระเบียได้ถึง 3 จุด ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ครอบคลุม 3 เมืองหลักคือเจดดาห์ เมดินา และคาติฟ ที่เมืองคาติฟ ทางตะวันออก เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อยมุสลิมชีอะห์ โดยดูเหมือนว่าเป็นการจงใจวางระเบิดมัสยิดของชาวชีอะห์ มือระเบิดถูกสังหารทันที และโชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บที่นี่ ทั้งนี้ช่วงรอมฎอนจะมีชาวมุสลิมมาชุมนุมกันตามมัสยิดมากเป็นพิเศษ การโจมตีจึงหวังผลเสียหายสูงมาก ไอเอสเลือกโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนหนักข้อมากขึ้นในช่วงเทศกาลรอมฎอน
+++ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และสัปดาห์นี้ เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายแทบจะรายวันในหลายพื้นที่ทั่วโลก เริ่มตั้งแต่เหตุร้ายที่สนามบินอิสตันบูลในตุรกี ที่เสียชีวิตไป 45 ศพ ตามด้วยการโจมตีกลางร้านอาหารกลางกรุงธาก้า ของบังกลาเทศ ที่ตัวประกันถูกสังหารไป 20 ศพ และตำรวจ เสียชีวิต 2 นาย และเหตุการณ์กลางกรุงแบกแดดของอิรัก ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ศพ บาดเจ็บ 200 คน
+++ ตำรวจบังกลาเทศ เปิดเผยตัวคนร้ายเป็นชายชาวบังกลาเทศจำนวน 5 คนซึ่งบุกเข้าไปในร้านอาหารในย่านสถานที่ตั้งสถานทูตต่างประเทศในกรุงธากา รัฐบาลบังกลาเทศ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของไอเอสว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ตำรวจเชื่อว่า กลุ่มหัวรุนแรงในประเทศ จามัต-อัล-มูจาฮีดิน(เจเอ็มบี) อยู่เบื้องหลัง
นายไซฟุล อิสลาม ตำรวจระดับสูงซึ่งสอบสวนคดีนี้ เปิดเผยว่า ตำรวจได้สังหารคนร้ายไป 6 คน แต่คดีนี้มีคนร้ายที่ยืนยันได้แล้วว่า 5 คน ดังนั้นคนที่ 6 ที่ถูกยิงเสียชีวิตจึงอาจเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ทราบว่าเป็นเพียงลูกจ้างของร้านอาหาร อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะสอบสวนประเด็นนี้ต่อไป ตำรวจกำลังติดตามไล่ล่าผู้ต้องสงสัยสมรู้ร่วมคิด 6 คนด้วยกัน สมาชิกของกลุ่มเจเอ็มบี
+++ส่วนเหตุการณ์ในอิรัก นายโมฮัมเหม็ด กาห์บบัน รัฐมนตรีมหาดไทยของอิรัก ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งต่อนายกรัฐมนตรีอิรักแล้ว ภายหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดในกรุงแบกแดดจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ศพ เหตุลอบวางระเบิดในรถยนต์ถล่มเป้าหมายในย่านการค้าในกรุงแบกแดดเมื่อเช้าวันอาทิตย์ รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาจากจังหวัดดิยาลาทางเหนือของกรุงแบกแดดและสามารถเล็ดรอดผ่านด่านรักษาความปลอดภัยเข้าไปก่อเหตุได้ กลุ่มหัวรุนแรงไอเอสประกาศอ้างความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
+++การเมืองออสเตรเลีย กำลังเข้มข้น การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ยังนับคะแนนไม่เสร็จ และส่อเค้าว่า จะไม่มีพรรคการเมืองไหนสามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ ผลคะแนน เบื้องต้น พบว่า พรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูล ได้ไปเพียง 67 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานฝ่ายค้านของนายบิลล์ ชอร์ทเทน กวาดที่นั่งไปได้ 71 ที่นั่ง แต่พรรคที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ต้องได้ที่นั่งในสภา 76 ที่นั่งขึ้นไป ซึ่งต้องลุ้นผลการนับคะแนน กันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว จะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ คาดว่าการนับคะแนนคงทำได้ช้า และคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เพราะว่าต้องรวบรวมบัตรลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ ซึ่งมีจำนวนมากโดยการเลือกตั้งครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรก ในรอบหลายสิบปีที่มีการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ทั้งหมดภายในวันเดียว
+++นายกรัฐมนตรีเทิร์นบูล กล่าวว่าเขาขอรับผิดชอบความผิดพลาดทั้งหมดที่ส่อเค้าลางว่า พรรครัฐบาลกำลังจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้พรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่เขาก็ยังคงมองโลกในแง่ดีว่าสุดท้ายแล้วพรรครัฐบาล จะรวบรวมคะแนนเสียงได้มากพอ สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลผสมเสียงข้างมากได้
+++ส่วนที่อังกฤษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมพรรครัฐบาลอังกฤษ ได้ลงมติเลือกสรรบุคคลผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษด้วย หลังการประกาศลาออกของนายเดวิด คาเมรอน เนื่องจากการแพ้ลงประชามติให้สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.
+++ผลการลงคะแนนปรากฏว่า นางเทเรซา เมย์ รัฐมนตรีมหาดไทยและหนึ่งในแกนนำคนสำคัญที่ต้องการให้สหราชอาณาจักรยังอยู่ในสหภาพยุโรป มีคะแนนนำเป็นที่ 1 ในการลงคะแนนเสียงรอบแรกได้ 165 คะแนน ตามมาด้วยนางแอนเดรีย ลีดซัม รัฐมนตรีพลังงานซึ่งได้ 66 คะแนน นายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรียุติธรรมได้ 48 คะแนน นายสตีเฟ่น คราบบ์ ได้ลำดับที่ 4 ได้ 34 คะแนน และ สุดท้ายคือนายเลียม ฟอกซ์ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยได้ 16 คะแนนเท่านั้น และถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว
+++การลงคะแนนเสียงในรอบที่ 2จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ค. เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนุรักษ์นิยม 330 คน เลือกผู้สมัครที่เหลืออยู่ 4 คน จนกระทั่งเหลือ 2 คนที่มีคะแนนนำสูงสุด จากนั้นก็จะนำสองชื่อเข้าสู่ที่ประชุมพรรค เพื่อให้สมาชิกพรรคทั้งหมด 150,000 คน เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 9 ก.ย.
+++นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางแห่งรัฐบาลสหรัฐ(เอฟบีไอ) แถลงว่า เอฟบีไอไม่เสนอแนะให้ตั้งข้อหากับนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต กรณีใช้อีเมลส่วนตัวขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ช่วงปี 2552-2556แม้ว่าจะตรวจพบว่า ทั้งเธอและผู้ช่วยต่างขาดความระมัดระวังในการดูแลข้อมูลข่าวสารที่ละเอียดอ่อนและเป็นความลับ แม้ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้มีความเห็นขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ในความเห็นของเอฟบีไอ เพื่อความเป็นธรรม การตั้งข้อหาจึงยังไม่เหมาะสม เท่ากับเป็นการปิดฉากการสอบสวนของหน่วยงานเอฟบีไอในคดีนี้และส่งต่อให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
+++ประธานาธิบดียาโนส อาเดร์ ผู้นำฮังการี แถลงว่า ฮังการีจะจัดการลงประชามติวันที่ 2 ตุลาคม ว่าด้วยแผนการของสหภาพยุโรป ในการจัดหาที่อยู่ให้ผู้อพยพภายในกลุ่มประเทศสมาชิก คำถามในบัตรลงคะแนนเสียงแสดงประชามติจะถามว่า ท่านต้องการให้สหภาพยุโรปกำหนดข้อบังคับการตั้งถิ่นฐานสำหรับบุคคลที่ไม่ใช่ชาวฮังการีในประเทศฮังการี แม้ว่าจะไม่ต้องได้รับการยินยอมจากรัฐสภา รัฐบาลฮังการีไม่เห็นด้วยกับแผนการของสหภาพยุโรปว่าด้วยการจัดสรรผู้อพยพจำนวน 1แสน60,000 คนไปยังประเทศต่างๆ 28 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปผ่านโควตาตามข้อบังคับ แต่แผนการนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรปในเดือนก.ย.
+++ฝนตกน้ำหนักในหลายพื้นที่ของจีน มีการแชร์ภาพเกษตรชาวจีน 2 คนคือนายลี ซูหมิง และนายลี จี จากบริษัทเกษตรและพัฒนาระบบนิเวศกังหยวนในเทศมณฑลซูเฉิง มณฑลอานฮุย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน แสดงความรู้สึกเสียดายหมู 6,000 ตัวที่จะจมน้ำตาย หลังคอกถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้างในหลายมณฑลของจีน ส่งผลให้ผู้ใช้สื่อออนไลน์เวยป๋อของจีน วอนทุกฝ่ายให้ช่วยเหลือหมู
+++จีนเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมทั่วพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ในช่วง 4 วัน มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 130 ศพ สูญหายกว่า 40 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายเป็นวงกว้าง ประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงแล้วกว่า 38,000 ล้านหยวน (กว่า 200,200 ล้านบาท)
+++เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ต่วยแฉอ้างคำเตือนของศูนย์ว่า เวียดนามอาจเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางเหนือและตอนกลางตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพฤหัสบดี และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันตามแม่น้ำลำคลอง เกิดดินถล่มตามพื้นที่เทือกเขา และเกิดน้ำท่วมตามที่ราบลุ่มต่ำ ขณะที่หลายจังหวัดมีฝนตกหนักตลอดหลายวันมานี้ เช่น เดียนเบียน ห่าซาง กว๋างนิญ ท้ายเงวียน ประกอบกับมีน้ำจากจีนไหลลงมายังเวียดนาม พบผู้เสียชีวิตและสูญหายแล้ว 7 คน
+++ตำรวจเนปาลรายงานว่าฝนตกหนักทำให้เกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ ทางภาคตะวันตกของเนปาล ซึ่งรวมถึงวัยรุ่นชาย 1 คน และวัยรุ่นหญิง 4 คน
CR:Reuters,AFP