เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดเหตุน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้นเลย โดยให้แม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดในพื้นที่ชุมชนและในปีนี้เกิดเหตุน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ในช่วงปลายเดือนรอมฎอน จึงอาจมองว่าเกิดเหตุบ่อย พลเอกประวิตร ยืนยันว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ IS และเชื่อว่าไม่มีกลุ่ม IS เข้ามาในประเทศไทย จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากประเทศไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ขณะเดียวกันจะต้องไม่ประมาทและต้องดูแลเฝ้าระวังทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสถานที่ราชการ แหล่งชุมชน รวมถึงมีการบูรณาการด้านการข่าวทั้งหมด โดยมีสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเป็นหลัก
ส่วนแนวคิดที่จะให้นักเรียนตีกันไปเป็นทหารเกณฑ์ พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นเพียงแนวคิด ต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีแนวคิดไม่ต้องการให้เด็กเหล่านี้เป็นทหาร เพราะจะทำให้บคคลที่มีความตั้งใจเป็นทหารมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่ส่วนตัวอยากให้เด็กเหล่านี้ได้ร่วมฝึกเพื่อปรับปรุงตัวและพัฒนาให้เป็นคนดี โดยนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าหากจำเป็นก็ให้นำเด็กเหล่านี้เข้ามาฝึก 3-5 เดือน จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีเพียงแค่มีแนวคิดไม่เหมือนกันเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สั่งให้ยุติการดำเนินการพูดคุยกับพรรคการเมืองนั้น พลเอกประวิตร ระบุว่า เป็นเรื่องของ สปท. ที่จะดูแลกันเอง แต่เชื่อว่าทุกคนหวังดีต่อประเทศ แต่อะไรที่เกิดความขัดแย้งก็อย่าทำ